ทรัมป์เอฟเฟกต์!โมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินเสียงมิตรรักแฟนคลับร้องระงมไปทั่วห้องค้า หลังหุ้นบลูชิพที่ไล่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ โดนถล่มอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งวัน จนหาทางกลับบ้านแทบไม่เจอนั้น มันเป็นเรื่องที่หลายคนรู้อยู่แก่ใจมาระยะหนึ่ง แต่ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ผลที่ออกมาถึงเป็นความทุกข์ของคนที่ปล่อยของไม่ทัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดิมๆ ที่เวียนมาบรรจบอีกรอบไงล่ะค่ะ


*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินเสียงมิตรรักแฟนคลับร้องระงมไปทั่วห้องค้า หลังหุ้นบลูชิพที่ไล่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ โดนถล่มอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งวัน จนหาทางกลับบ้านแทบไม่เจอนั้น มันเป็นเรื่องที่หลายคนรู้อยู่แก่ใจมาระยะหนึ่ง แต่ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ผลที่ออกมาถึงเป็นความทุกข์ของคนที่ปล่อยของไม่ทัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดิมๆ ที่เวียนมาบรรจบอีกรอบไงล่ะค่ะ

*หากจับจังหวะของการลงทุนในเที่ยวนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นักเล่นน่าจะมองเห็นสัญญาณการเทคตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด ต่อจากนั้นโดนแรงเทขายตอดนิดตอดหน่อยเป็นระยะ ก่อนจะโดนถล่มอย่างไม่ปราณีปราศรัย จนดัชนีลงมายืนอยู่ที่ 1,577.31 จุด ลบไป 13.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.33 หมื่นล้านบาท น้องโมฟันธงได้ทันว่า มันมาจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ย่อมส่งผลสะเทือนกับประเทศทั่วโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ช่วงนี้การประเมินทุกอย่างจะพุ่งเป้าไปที่นโยบายของทรัมป์ เพราะเป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น แถมผลพวงที่จะตามหลังมาเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่า จะมีอะไรที่กระทบกระเทือนกับระบบเศรษฐกิจของไทยขนาดไหน? มันเซ็งในอารมณ์เหลือเกินเจ้าค่ะ

*วันนี้ถึงต้องส่องกล้องมองดูดัชนีดาวโจนส์มีทิศทางไปทางไหน? เพราะจะเป็นตัวชี้นำตลาดหุ้นทั่วโลกให้ไปในทิศทางนั้น หรือจะใช้เรื่องสัญญาณเทคนิคมาเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง “โมนิก้า” มองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง และอย่าได้ลังเลใจเมื่อถึงจังหวะต้อง “ลุย” หรือ “ถอย” แถมหุ้นหลายตัวที่โดนเทขายอย่างหนักวานนี้ ก็กลายเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการเคาะขวาในรอบหน้าแบบนี้..วิกฤติคือโอกาส..แม่นบ่!

*เหมือนกับการแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ของพี่เทพ PTTEP จนทะยานขึ้นไปยืนเหนือ 100 บาท แต่ดันโดนเทขายอย่างหนัก หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 98 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่า 2.64 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นความพลิกผันที่ทำให้ความฝันในการเทคตัวขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณ 120 บาทยากขึ้นในทันที เพราะเที่ยวนี้เป็นการเล่นบนอารมณ์มากกว่าพื้นฐานเจ้าค่ะ

*เมื่อหุ้นลูกออกอาการเป๋กะทันหัน หุ้นน้ำมันตัวแม่อย่าง PTT ถึงโดนเทขายอย่างหนักด้วยเช่นกัน หุ้นเลยร่วงลงมาปิดที่ 404 บาท ลบไป 14 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่า 2.87 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่เกินความสามารถจริงๆ จึงไม่ขออธิบายอะไรให้มากความ ขนาดหุ้นตัวทีเด็ดอย่าง IRPC ยังโดนเทขายเป็นระยะ จนสุดท้ายลงมาปิดที่ 5.20 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 635 ล้านบาท ช่วงนี้หวังอะไรไม่ได้จริงๆ นะจ๊ะ

*ส่วนที่หมดสภาพ ไม่หลงเหลือความสดใส “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นดีแตก DTAC หลังประกาศกำไรปี 59 ลดลงมากถึง 65%  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างสุดขีด และการที่หุ้นยังยืนอยู่ที่ 39.25 บาท ลบไป 2.25  บาท หรือลงไป 5.40%  ด้วยมูลค่า 1.83 พันล้านบาท ถือว่าบุญกะลาหัวหนักหนา เพราะราคาปิดดังกล่าวเป็นการเทรดบน P/E 40 เท่า ซึ่งมันสูงเกินไปในสายตากูรูทั่วประเทศ และมูลค่าที่แท้จริงมันอยู่แค่ 30 บาทเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบไปดูหุ้นในกระดาน most loser ก็สะดุดตาเข้ากับหุ้น GUNKUL เพราะข่าวนินทาลับหลังเกี่ยวกับโปรเจ็กต์วินเอนเนอร์ยีมันไม่เป็นไปตามแผน พวกนกรู้ถึงเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 5.35 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท มันสะท้อนว่า หมดรอบ หากวันนี้ไม่สามารถยืนตรงราคาปิดนี้ไว้ได้ ลงไปพักฐานแถว 5 บาทแน่ๆ พะยะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ STA ดูตามรูปการณ์ไม่น่าจะมีอะไรแปลกประหลาด เพราะหุ้นขึ้นมาเยอะเกินไป ก็ต้องถูกเทขายเป็นธรรมดา บวกกับบรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยจะสู้ดี หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 24.80 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 6.40%  ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอย่างเร่งด่วน หลังหุ้นยังเทรดบนค่า P/E 68 เท่าแบบนี้มันจะไปต่อไหวเหรอค่ะ

*ส่วนในรายของ VIBHA ก็มาทรงเดียวกับรายข้างต้น เพราะยังไม่ทันเห็นอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน พวกขาลุยก็ไล่ราคากันระเบิดระเบ้อ จนวานนี้หุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 3.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.20%  ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E 57 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล แต่ขอบอกไว้นิดหนึ่งว่า กลางปี 59 ขึ้นไปแตะระดับ 3.30 บาทปุ๊บ หุ้นร่วงลงมายืนที่ 2.50 บาทปั๊บนะคะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ UKEM ซื้อขายกันบนค่า P/E 15 เท่า “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ยังมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเยอะ วานนี้ถึงเห็นขาประจำเข้ามาไล่ราคาหุ้นอย่างเมามัน จนวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.24 บาท บวกไป 0.14 บาทหรือขึ้นไป 6.70%  ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า “ของดีราคาถูก” พร้อมกันนั้นอย่าลืมดูหุ้นลูกยอดกตัญญูอย่าง GIFT ควบคู่กันไป หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ 5.55 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.75%  ก็เป็นการซื้อขายบนค่า P/E 16 เท่า..งานนี้บอกได้แค่ว่า คนชอบเล่นแซนด์วิชเชิญทางนี้ค่ะ

*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับในเที่ยวนี้คือ HTECH ปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแน่นเปรี๊ยะ แรงซื้อไหลมาไม่ขาดสาย แก๊ปหุ้นยังเหลืออีกเยอะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.55 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 7.40%  ด้วยมูลค่า 125 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองจินตนาการดูว่า กำไรต่อหุ้นปี 59 น่าจะใกล้เคียงกับ 0.35 บาท หากคิดบน P/E 20 เท่า ราคาเป้าหมายรอบนี้น่าจะอยู่แถว 7  บาท..จริงหรือไม่ ติดตามดูกันเอาเองจ้า

Back to top button