CHOW ฟ้าสว่าง แต่เมฆบังแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ราคาหุ้นของบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW กลับมาบวกแรงต่อเนื่อง 2 วันรวด จนเกือบจะยืนเหนือ 6.00 บาทอีกครั้ง หลังจากร่วงแรงจากข่าวร้ายที่ประดังเข้ามาเกี่ยวกับภาระทางการเงิน และธุรกรรมตั๋วบี/อี เครื่องมือการเงินระยะสั้นที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคมที่จะถึงมูลค่าเฉียด  3.36 พันล้านบาท 

หากไม่เพราะมีแรงขายทำกำไรออกมาเสียก่อนที่ทำให้ราคาหุ้นหลุดในใต้ 6.00 บาทอีกรอบบ่ายวานนี้ ป่านนี้ ก็อาจจะได้เห็นราคาหุ้น CHOW กลับไปเด่นเหนือ 6.30 บาท อันเป็นราคาก่อนร่วงลงมาก็ได้

แรงซื้อและแรงขายที่อยู่เบื้องหลังการรีบาวด์กลับ และเหวี่ยงลงมาบ่ายวานนี้ ของราคาหุ้น CHOW หนีไม่พ้นคำพูดของเจ้าหนี้ว่าจะเปิด “ไฟเหลือง” ก่อนจะมี “ไฟเขียว” จากเจ้าหนี้รายสำคัญ คือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของธนาคารฯดังกล่าว ที่เป็น “แหล่งข่าวระดับสูง” (ไม่รู้สูงระดับยอดมะพร้าว หรืออย่างไร) ออกมาระบุว่า กรณีที่ผู้บริหารของ          CHOW ระบุว่า เงินกู้ 3.3 พันล้านบาทที่ได้จากเอ็กซิมแบงก์ จะนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้หนี้ตั๋วบี/อีนั้น ถือเป็นการบริหารทางการเงินของบริษัท ซึ่งทางธนาคารไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และก็ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่าบริษัททำผิดวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน

คำการันตี ระบุถึงขั้นว่า เวลาลูกค้าได้รับอนุมัติเบิกเงินกู้ไป ก็เบิกตามงวดงาน ส่วนจะนำเงินไปใช้หนี้ตั๋วบี/อีก็พิสูจน์ไม่ได้ เพราะเวลาเอาเงินของเอ็กซิมฯไปรวมกับเงินของบริษัทที่มีอยู่แล้ว เราก็ไม่สามารถแยกออกมาได้ว่าเป็นเงินของใครแน่

แถมยังออกมามาระบุเพิ่มเติมว่า CHOW เป็นบริษัทที่ดีไม่มีปัญหาด้านการเงินแต่อย่างใด ดังนั้นเอ็กซิมแบงก์จึงยังปล่อยกู้ให้ตามปกติ หลังจากได้ชี้แจงธนาคารแห่งประเทศไทยไปแล้ว

รับรองลั่นดานแน่นหนาอย่างนี้ ก็เห็นทนโท่ว่า CHOW สบายตัว ลอยนวลไปได้ราบรื่นแน่นอน

เรื่องน่าจะจบ ด้วยการที่หุ้น CHOW รีบาวด์หลายวัน ไปยืนเหนือ 6.00 บาท ….แต่ ก็จบไม่ลง …เพราะพูดวกไปวนมา

วานนี้  นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการของ EXIM BANK คงกลัวว่า “แหล่งข่าวระดับสูง” จะพาคนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ก็เลยแถลงข่าวในชื่อตัวเอง ไม่ต้องอ้ำอึ้งหลบฉากหลังม่านอีกต่อไป

นายพิศิษฐ์ ระบุว่า โครงการเงินกู้ของ EXIM BANK เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น เป็นไปตามนโยบายของธนาคารในการสนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศของ CHOW นั้น ต้องมีเอกสาร Invoice และ/หรือใบเสร็จที่เรียกเก็บโดยผู้รับเหมาของโครงการ ประกอบการเบิกกู้ตามความคืบหน้าของโครงการ เพื่อใช้ตรวจสอบว่า บริษัทได้มีการเบิกเงินกู้เพื่อนำไปชำระค่าก่อสร้างของโครงการจริง 

นายพิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า โครงการลงทุนโซลาร์ฟาร์มของ CHOW ในญี่ปุ่น ยังเป็นไปตามแผนธุรกิจและปฏิบัติตามเงื่อนไขเงินกู้ได้ครบถ้วน ซึ่งหากมีการผิดเงื่อนไข ธนาคารจะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

ที่สำคัญ ยังเหมาเข่งตามสไตล์ต่อไปอีกว่า…..กรณีที่เกิดขึ้น มิได้เกี่ยวข้องกับการสั่งการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่อย่างใด 

สรุปตรงๆ ว่า อาจจะไม่ผ่าน แต่พูดไม่ได้ ….เลยทำให้คลุมครือ แล้ว “ปล่อยให้งง” เสียยังงั้น

ราคาหุ้นที่ร่วงกลับแรงบ่ายวานนี้ ก็น่าจะเกิดจากเรื่องนี้เป็นสำคัญ

ลิ้นคนที่วกวน (แม้จะมีแค่แฉกเดียว) ทำให้หุ้นขึ้นได้ แล้วก็ลงได้ ไม่น่าจะใช่ลิ้นธรรมดา…แต่คงจะไม่ไช่ ลิ้นกระดาษทราย น้ำลายชะแล็ก เป็นแน่

เรื่องของเรื่อง ก็มีผลทำให้จากนี้ไปราคาหุ้นของ CHOW เท้งเต้งไปตามยถากรรมระยะหนึ่งจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์กลางเดือนมีนาคมว่า มีเงินสดมาให้กู้แน่นอนหรือไม่

หลายสัปดาห์มานี้ ข้อสงสัยว่า  CHOW กับความสามารถในการชำระหนี้ครั้งล่าสุดนี้ จะลงเอยด้วยทิศทางไหน สำหรับตัวเลขยอดหนี้รวม 9.928 พันล้านบาท เทียบกับส่วนผู้ถือหุ้นที่ระดับ 1.364 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 7.27 เท่า (จากงบล่าสุดเดือนกันยายน 2559

ข่าวลือแพร่สะพัดว่า มีโอกาสสำหรับการผิดนัดชำระหนี้ที่จะครบในเดือนมีนาคมที่จะถึง  แม้ยังไม่เกิด แต่มีความเป็นไปได้ พอๆ กับเป็นไปไม่ได้…ก้ำกึ่งกัน

เมื่อยังต้องรอไปเรื่อยๆ เพื่อเวลา ทำให้ข้อเท็จจริงที่ว่า CHOW ได้ร่วมกระโจนเข้าสู่พฤติกรรมหมุนเงินอันแสนอันตรายชนิด “เดินเลียบขอบเหว” ในวงจรอุบาทว์ของหนี้ระยะสั้น โดยผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่าตั๋วบี/อีแบบไม่จัดเรตติ้ง มากกว่า 2.1 พันล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในโครงการไฟฟ้าจากโซลาร์ในญี่ปุ่น ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด  นอกเหนือจากส่วนที่กู้มาจากธนาคาร EXIM BANK

ในแวดวงนักลงทุนนั้น ความไม่แน่นอนเป็นมากกว่าความเสี่ยง …เพราะแม้จะฟ้าสว่างชั่วคราว แต่ก้อนเมฆก็มากเหลือเกิน

คนที่ถือหุ้น CHOW ในมือยามนี้ คงต้องเผื่อใจเอาไว้มากกว่าปกติ

เราเตือนคุณแล้วนะ

“อิ อิ อิ”