หุ้นกลุ่มสื่อสารพลวัต 2017
ยามนี้ มีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีสำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นโอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือใหญ่ 2 รายที่งบออกมาแล้วสัปดาห์ก่อน ในขณะที่รายสุดท้ายคือ ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ก็คาดว่าน่าจะขาดทุนหนัก ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักต่อเนื่องชนิดหาก้นเหวยังไม่เจอ
วิษณุ โชลิตกุล
ยามนี้ มีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีสำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นโอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือใหญ่ 2 รายที่งบออกมาแล้วสัปดาห์ก่อน ในขณะที่รายสุดท้ายคือ ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ก็คาดว่าน่าจะขาดทุนหนัก ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักต่อเนื่องชนิดหาก้นเหวยังไม่เจอ
ในข่าวร้ายที่เกิดขึ้นเป็นระลอก จนกระทั่งนักวิเคราะห์ทนไม่ไหวต้องปรับมุมมองมาเป็นแนะให้ “ถือ” (อย่างเกรงใจ) หรือ “ขาย” (อย่างไม่เกรงใจ) ก็มีความเคลื่อนไหวที่ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลวัตที่รุนแรงของธุรกิจโทรคมนาคม
ในกรณีเบอร์หนึ่งด้านส่วนแบ่งการตลาด อย่าง ADVANC เราได้เห็นคำอธิบายน่าสนใจของการร่วงลงของกำไรที่มีรายละเอียดที่มีความหมายคือ
– รายได้จากการขายซิมและโทรศัพท์ลดลง 14% จากปีก่อน แสดงว่าตลาดฮาร์ดแวร์อิ่มตัว กลายเป็นตลาดซื้อใหม่ทดแทนเก่า หรือ replacement stage
– รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) เพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อน และสอดคล้องกับที่คาดการณ์ เป็นผลจากการขยายโครงข่าย 4G อย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปี 59 แม้รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในการให้บริการคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์
– รายได้จากการโทร (บริการว้อยซ์) ลดลง 15% จากปีก่อน จากการใช้งานอินเทอร์เน็ตทดแทนการโทร สะท้อนว่าเครื่องมือถือใช้ประโยชน์ด้านการโทรศัพท์คุยกันลดลง เรื่มหมดยุค
– รายได้จากการให้บริการข้อมูล (บริการนอน-ว้อยซ์) เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน โดยการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นจาก 2 กิกะไบต์/เลขหมาย/เดือน ในปีก่อน เป็น 3.6 กิกะไบต์ หรือ 80%
– รายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่มีขนาดเล็กมาก เพิ่มขึ้น 616% จาก 120 ล้านบาทในปีก่อน และมีฐานรายได้ในไตรมาส 4/59 คิดเป็น 1.2% ของรายได้จากการให้บริการ
– รายได้จากบริการต่างประเทศและรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 6,594 ล้านบาท ลดลง 2.5% จากรายได้จากการโทรออกต่างประเทศที่ลดลง เพราะเทคโนโลยีและแอพพลิเคชั่นใหม่ ทำให้สามารถสนทนากันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ดีและมีค่าใช้จ่ายต่ำลงมาก
การเปลี่ยนที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า กำไรที่ลดลง (หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นของบางราย) ไม่ได้หมายถึงตลาดนี้เป็นตลาดขาลงแต่อย่างใด แต่เป็นตลาดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม
โดยสรุปแล้วนี่คือการเคลื่อนตัวของตลาดที่ผู้ประกอบการจะต้องก้าวข้ามให้ได้ เพราะในขั้นตอนของหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ มีเดิมพัน ได้-เสียในบรรดาผู้ประกอบการอย่างชัดเจนและหลากหลายที่ต้องเพ่งพินิจในรายละเอียดมากขึ้นกว่าแค่ข้อสรุปรวมอย่างง่ายๆ
กำไรที่ถดถอยลงของโอเปอเรเตอร์ มีเหตุปัจจัยที่ต่างกัน เช่น ค่าย DTAC กำไรลดลงมากถึง 65% จากปีก่อน และเป็นกำไรที่ต่ำสุดในรอบ 14 ปี เพราะสาเหตุหลักจากรายจ่ายพิเศษว่าด้วยการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ภายใต้สัมปทาน ที่ใกล้จะหมดอายุในอีก 2 ปีข้างหน้า และรายจ่ายพิเศษปรับโครงสร้างองค์กร 146 ล้านบาท
ส่วนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง JAS แม้ปีนี้งบจะออกมาช้ากว่าปกติมากจนน่าหวั่นใจว่าจะมีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี แต่หากอนุมานจากข้อมูลของ ADVANC เชื่อล่วงหน้าได้ว่ามีข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย
ในมุมกลับ ท่ามกลางความถดถอยของกำไรโอเปอเรเตอร์ กลับได้เห็นว่าธุรกิจซัพพลายเออร์ที่ขายบริการโครงข่ายอย่าง ALT หรือ ITEL ธุรกิจรับติดตั้ง อย่าง CSS หรือ ILINK หรือ AIT ธุรกิจขายอุปกรณ์ อย่าง SCI กลับมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ และทำให้ผลประกอบการกับราคาหุ้นบริษัทเหล่านี้ กลายเป็น “จังหวะทองคำ” ของธุรกิจขาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เหตุผลเพราะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยังขยายตัวทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพต่อเนื่อง ทำให้ไม่อาจจะหยุดยั้งในการลงทุนเพื่อตอบโจทย์และไขว่คว้าโอกาสที่จะตามมา
การถดถอยชั่วคราวของหุ้นกลุ่มบริษัทโอเปอเรเตอร์ ในขณะที่หุ้นอื่นๆ ในกลุ่มหลายรายยังเป็นขาขึ้น สะท้อนพลวัตที่ตอกย้ำคำพูดเก่าแก่ของสถาปนิกชื่อดังเยอรมัน ลุดวิก มิส ฟาน เดอ โรห์ ที่ว่า “พระเจ้า (และซาตาน) อยู่ในรายละเอียด” ชัดเจนอีกครั้ง
หุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีเสน่ห์หลงเหลืออยู่ แม้ว่าบางบริษัทจะเสื่อมถอยลงชั่วขณะ แต่โดยภาพรวมแล้ว ยังเดินหน้าไม่มีหยุด