พาราสาวะถี อรชุน
เวลา 18.35 น. วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนิน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมมีพระราชโองการขออาราธนาให้ทรงช่วยรับภาระสั่งสอนและอนุเคราะห์ภิกษุ สามเณรในสังฆมณฑลทั่วไป
เวลา 18.35 น. วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนิน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมมีพระราชโองการขออาราธนาให้ทรงช่วยรับภาระสั่งสอนและอนุเคราะห์ภิกษุ สามเณรในสังฆมณฑลทั่วไป
ในการนี้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้มีการตีย่ำระฆัง ณ หอระฆัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง การย่ำระฆังครั้งนี้ใช้ไม้เหง้าไผ่ตง ตี 3 ลา จังหวะจากช้าไปเร็ว เมื่อจบการตีแล้วจะย่ำระฆังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ 20 ครั้ง พร้อมกันกับวัดไทยทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลกกว่า 40,000 วัด เพื่อฉลองโอกาสสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดยเสียงของระฆังดังกล่าวดังกังวานไพเราะจับใจ นับเป็นเสียงไพเราะที่คนไทยไม่ได้ยินมาเนิ่นนานเกือบ 3 ทศวรรษ ตั้งแต่การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี 2532 โดยพระนามของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 นั้นก็คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สำหรับพระนามเต็มที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกธีราจารย์ อัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรมทูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมสกลคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒพุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตร วิปัสสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฏ์ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช
ส่วนความหมายของพระนามเต็ม ในหนังสือพระประวัติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งคณะสงฆ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร จัดพิมพ์ถวายนั้น ระบุความหมายไว้ว่า สมเด็จพระผู้มีญาณสืบมาแต่วงศ์พระอริยเจ้าทรงเป็นผู้มีธรรมวิธีอันละเอียดอ่อน ทรงเป็นผู้นำพระสงฆ์หมู่ใหญ่ทั้งปวง ทรงเป็นอาจารย์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระปริยัติธรรมคือ พระไตรปิฎกปรากฏพระนามฉายาในทางสงฆ์ว่า อมฺพโร
ทรงงดงามในพระศาสนาด้วยทรงพระปรีชากว้างขวางในพระอุดมปาพจน์คือพระธรรมวินัย ทรงดำรงพระเกียรติโดยปราศจากมลทิน และทรงเป็นครูสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาด้วยเหตุที่ทรงพระราชศรัทธาเลื่อมใส ทรงเป็นที่พึ่งผู้แกล้วกล้าและมีพระปรีชาฉลาดเฉลียว ทรงเป็นผู้ยังความเจริญแก่กิจการพระธรรมทูต
ทรงเป็นใหญ่ในสงฆ์ทั้งปวง (คือทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช) พระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานสถาปนาในรัชกาลที่ 10 ทรงยังแสงสว่างแห่งแบบอย่างอันดีงามให้บังเกิด โดยเจริญรอยตามสมเด็จพระอุปัชฌายะ คือ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน มหาเถร) ทรงเป็นที่ตั้งแห่งความเคารพของพุทธบริษัท ทรงงดงามในพระวิปัสสนาธุระ ทรงพระศีลาจารวัตรอันไพบูลย์ ทรงเป็นอนุศิษย์ผู้สืบวงศ์สมณะมาแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเป็นเจ้าผู้เจริญในทางธรรม ทรงเป็นราชาแห่งหมู่สงฆ์
หลังพระราชพิธีสถาปนา สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานโอกาสให้ประชาชนเข้าเฝ้าถวายสักการะในพระอุโบสถวัดราชบพิธฯ ระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ โดยจัดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะวันละ 2 รอบ รอบเช้าเวลา 09.00-10.30 น. และรอบบ่ายเวลา 14.00-16.00 น. ท่ามกลางความปลาบปลื้มปีติยินดีของพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนมาก
ในการนี้ วัดราชบพิธ ได้จัดหนังสือพระราชประวัติสมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ที่ 20 ชุดละ 3 เล่มแจกให้กับประชาชนที่เข้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชฯ ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์ย้ำว่าทางวัดงดการถวายปัจจัย อาหาร แต่สามารถนำดอกไม้พวงมาลัยไปถวายได้ นี่คือพระราชจริยวัตรอันงดงามที่ผู้ได้สัมผัสต่างยืนยันกันมาโดยตลอดต่อความสมถะและเปี่ยมพระเมตตา ของสมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ที่ 20
ถือฤกษ์วันวาเลนไทน์ หวังเห็นคนไทยรักกัน คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เริ่มต้นเชิญพรรคการเมืองเข้าร่วมหารือพูดคุย ที่ศาลาว่าการกลาโหม ภายในกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงเที่ยงวัน ประเดิมด้วย 3 พรรค ความหวังใหม่ เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย และพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย มีคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่ง พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ร่วมให้การต้อนรับและพูดคุย
การเริ่มต้นเวทีพูดคุยกันครั้งนี้ บนความคาดหวังของคณะกรรมการที่ว่า พรรคการเมืองและทุกภาคส่วน ที่ได้รับเชิญจะร่วมกันใช้โอกาสนี้ ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ต่อการเดินหน้ากระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในอนาคต เป้าหมายสวยหรูและทุกคนอยากให้เป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม มีข้อท้วงติงจากพรรคเล็กอย่าง อุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย ที่ยืนยันพร้อมร่วมวง แต่ชี้การตั้ง 10+1 หัวข้อส่อเลี่ยงไม่ฟังความเห็นอื่น มีธงล่วงหน้า จนเป็นเหมือนแค่พิธีกรรม ขณะเดียวกันถ้าไม่แก้ไขกฎหมายให้เป็นสากล ปรองดองก็ไม่มีทางเกิด ขอฟังอย่างทั่วถึงไม่ใช่แค่พรรคใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเสียงเตือนถ้าคนจนอิจฉาคนรวย ข้าราชการที่รัฐมัวแต่เอาใจ ระวังจะเกิดกลียุค
ขณะที่ องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็แจ้งเตือนเหมือนกันถึงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยคสช. ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ ต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า อำนาจที่เบ็ดเสร็จจะไม่ช่วยทำให้เกิดการปรองดองที่เบ็ดเสร็จได้ มีแต่การเปิดโอกาสให้ประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จึงจะช่วยทำให้การปรองดองมีความเป็นไปได้มากขึ้น
ไม่ว่าจะยึดหรือยืนอยู่บนหลักการใดก็ตาม อย่างที่เคยย้ำมาโดยตลอดกระบวนการสร้างความปรองดองจะบรรลุผลสำเร็จได้ ผู้มีอำนาจต้องเปิดใจกว้างรับฟังข้อมูลรอบด้าน ต้องแสดงออกถึงความเป็นกลางในการรับฟังข้อมูลความคิดเห็นต่างๆ หากดำเนินการในลักษณะเช่นนี้บนความจริงจังและจริงใจ อีกไม่นานคงจะได้เห็นคนไทยรักกัน (เหมือนเดิม) เสียที