IFEC พบกันครึ่งทางนรกแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
จบไปแบบกล้ำกลืนเสียที สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC นัดที่สอง ที่ฉาวโฉ่มายาวนานกว่า 3 เดือนแล้ว
จบไปแบบกล้ำกลืนเสียที สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC นัดที่สอง ที่ฉาวโฉ่มายาวนานกว่า 3 เดือนแล้ว
ดังที่ทราบกันดี การประชุมเมื่อวานนี้ เป็นการประชุมต่อจากครั้งแรก ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมาซึ่งเคยจัดขึ้นที่หอประชุมกองทัพบก ถนนวิภาวดีฯ และประชุมไม่ครบวาระ ก็หมดเวลาแบบค้างคา
การประชุมครั้งที่ 2 นี้ จึงย้ายมาจัดขึ้นที่หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ โดยมีวาระสำคัญที่ค้างคาจากคราวก่อนคือ การพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งบุคคลเข้าเป็นกรรมการใหม่ จำนวน 7 ท่าน แทนกรรมการที่ลาออก จนเหลือกรรมการยู่แค่ 2 คน ไม่สามารถดำเนินธุรกรรมใดๆ ต่อได้
ก่อนการประชุม ก.ล.ต.ในฐานะผู้กำกับดูแลตลาด มีแถลงการณ์สั้นๆ แบบสูตรสำเร็จเตือนนักลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นว่า วาระการแต่งตั้งกรรมการบริษัทให้มีจำนวนเพียงพอที่จะทำให้ IFEC สามารถกลับมาประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนดำเนินการแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงการชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่สามารถมีมติแต่งตั้งกรรมการ ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฐานะและการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต
การประชุมเต็มไปด้วยความเร้าใจ แต่ที่ลุ้นหนักกว่าใครคือบรรดาเจ้าหนี้หุ้นกู้และตั๋วบี/อี ของ IFEC ที่ตามมาลุ้นว่าจะราบรื่น หรือ ล้มเหลว
แล้วการประชุมก็ดำเนินไปตามที่คาดเพราะ วาระอื่นเช่นวาระไม่ให้การรับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ผ่านไปได้ราบรื่นดี แม้จะมีการตีรวนตามประสาคนไม่ไว้วางใจกัน
ถึงวาระสำคัญ ซึ่งใช้เวลานานมากเป็นพิเศษ ปรากฏว่างานนี้ กลุ่มหมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ก็เสนอชื่อกรรมการใหม่ 7 คนตามโผที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้า …ในขณะที่นายทวิช เตชะนาวากุล ก็เสนอชื่อเช่นกันตามมาอีก 7 คน ตามโผเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ฟากของหมอวิชัย ประกอบด้วย 1.นายไกรพิชญ์ โกสีย์เจริญ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางด้านการเงิน 2.นายชาติชาย พุคยาภรณ์ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ 3.พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4.นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ อดีตผู้ช่วยกรรมการผู้การจัดใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด 5.พล.อ.บุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ อดีตผู้อำนวยการ กองสนับสนุน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) 6.พล.อ.ณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ ตุลาการศาลทหารสูงสุด และประธาน กกต.กทม. และ 7.นายสายัณห์ สุพร ที่ปรึกษากลุ่มเพลินจิต (เพลินจิต แคปปิตอล)
ขณะที่ฝ่ายนายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ IFEC นำเสนอ 7 รายชื่อ ประกอบด้วย 1.พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด, 2.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), 3.นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารศรีนคร และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 4.รศ.ประนอม โฆวินวิพัฒน์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 5.นายปริญญา วิญญรัตน์ กรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยเทพรส (SAUCE) , 6.นายพิชิต สินพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการบริษัท และกรรมการอิสระ บริษัท บ้านสินทรัพย์ และ 7.นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค
ชื่อชั้น ทัดเทียมกันอย่างนี้ ตามสูตรแล้วก็ต้องนับคะแนนจากคนที่มีสิทธิออกเสียงในห้องประชุม
ผลลัพธ์ออกมาเกินคาดจริงๆ เพราะทั้งสองฝั่งต่างทำการบ้านมาดี และนักลงทุนกลุ่มที่เสมอนอก ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกเข้าข้างฝ่ายไหนดี เพราะอย่างที่รู้กัน เรื่องที่เกิดขึ้นกับ IFEC ใน 3 เดือนเศษมานี้ เป็นละครน้ำเน่าที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยคนไม่กี่คนเท่านั้น
ที่สำคัญกลุ่มนายทวิชก็หน้าใหม่เกินไป ใช้เงินแค่ 100 กว่าล้านบาท เพื่อเข้ามายึดกิจการบริษัทระดับ “ว่าที่ดาวรุ่งแห่งอนาคต” กันง่าย ก็จะดู ชุบมือเปิบ กันเกินไปหน่อย
คะแนนก็เลยออกมาอย่างที่เห็นคือ กลุ่มหมอวิชัย ได้มา 2 ตำแหน่ง ส่วนกลุ่มนายทวิช ได้มา 5 ตำแหน่ง รวมความแล้ว มีความก้ำกึ่งกันดีพอสมควร คือ 4 ต่อ 5 เสียง
เรื่องที่ทำท่าดูเหมือนจะจบ ให้บรรดาเจ้าหนี้ถอนใจเฮือกใหญ่ ก็เลยทำท่าจบไม่ลง เพราะต้องรอผลว่า การประชุมของบอร์ดที่ตั้งขึ้นใหม่ 9 คนที่มีหมอวิชัยนั่งเป็นประธานนั้น จะมอบอำนาจในการลงนามให้กับใครบ้าง
ถ้าหากเป็นว่า หมอวิชัย ร่วมกับนายทวิช มีอำนาจลงนามร่วมกันในธุรกรรมต่างๆ แทนบริษัท ก็สนุกน่าดู…จะน่าดูอย่างไร ก็คงพอคาดเดาออก
ที่สำคัญ หลังจากนี้ ขั้นตอนของการชำระหนี้ทั้งหลายที่คั่งค้าง และขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อมรรคผลอันใด (ทรัพย์สินที่ไม่เคลื่อนไหว ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท) ออกจากมือเพื่อสร้างสภาพคล่องก็คงตามมา
แต่…แต่ที่นักลงทุนทั้งหลายที่พากัน “ติดหุ้นที่ยอดดอย” ทั้งหลายเสียวสันหลังวาบ หนีไม่พ้นคำกล่าวของนายทวิช ที่ออกมาระบุชัดเจนหลังประชุม ยอมรับว่าราคาหุ้น IFEC หลังจากปลด SP แล้ว อาจจะ “ปรับตัวลงไป” แต่ก็เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปิดให้มีการซื้อ-ขายหุ้นเป็นไปอย่างเสรี
พูดอย่างนี้ มีโอกาสเห็นราคาหุ้นแถวๆ 2.50 บาทแน่นอน
รอซื้อที่นั่น ก็คงไม่เลว
“อิ อิ อิ”