ผีฟ้าเอย!โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ในรูปแบบหนักๆ ซีเรียสสุดๆ ใช้เหตุผลนำหน้า ความอยากตามหลัง ข่าวสารที่ ลับๆ ล่อๆ เป็นข้อมูลที่นักเล่นต้องรู้ ต้องสนใจ ปล่อยผ่านไปไม่ได้ ยิ่งดัชนีมีความผันผวนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งต้องใช้ตัวเลขมาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นเท่านั้น เดี๊ยนถึงรู้สึกหนักใจที่เห็นความเป็นไปของตลาดหุ้นไทยในทิศทางที่แย่ลงในช่วง 1 เดือนเต็มๆ นะคะ
*วันนี้ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ในรูปแบบหนักๆ ซีเรียสสุดๆ ใช้เหตุผลนำหน้า ความอยากตามหลัง ข่าวสารที่ ลับๆ ล่อๆ เป็นข้อมูลที่นักเล่นต้องรู้ ต้องสนใจ ปล่อยผ่านไปไม่ได้ ยิ่งดัชนีมีความผันผวนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งต้องใช้ตัวเลขมาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นเท่านั้น เดี๊ยนถึงรู้สึกหนักใจที่เห็นความเป็นไปของตลาดหุ้นไทยในทิศทางที่แย่ลงในช่วง 1 เดือนเต็มๆ นะคะ
*เหตุผลที่ทำให้บรรยากาศลงทุนแย่ลงมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน และนักเล่นหลายรายคงพุ่งเป้าไปที่ฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นต้นเหตุ แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ปอบผีฟ้าเป็นคนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ส่วนกองทุนในประเทศเป็นพวกสมคบคิด บรรยากาศการลงทุนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาถึง วังเวง วิเวก โหวงเหวง จนผู้เล่นหลายรายจับทิศชนปลายไม่ถูกกันเลยทีเดียวนะจ๊ะ
*สุดท้ายความจริงทั้งหมดก็ถูกเฉลยออกมาเสียทีว่า ตลอดเดือนมี.ค. ปอบผีฟ้า สั่งเทขายหุ้นออกมา 8.40 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนฉวยโอกาสขายตามน้ำไปทั้งสิ้น 3.21 พันล้านบาท ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวทยอยเก็บเข้าพอร์ต จนยอดซื้อสะสมเดือนนี้กลับมาเป็นบวก 1.70 พันล้านบาท ส่วนบรรดาแมงเม่ากระโจนเข้าเก็บ 9.80 พันล้านบาท มันอธิบายสาเหตุที่ทำให้ดัชนีร่วงจาก 1,587.01 จุด ลงมาปิดที่ 1,496.51 จุดได้เป็นอย่างดีนะคะ
*วันนี้ถึงไม่ต้องสนใจว่า จะมีการทำราคาเพื่อปิดบัญชี! เพราะตัวเลขดังกล่าวสื่อว่า มันนี่เกมยังดำเนินต่อไป คนที่มีต้นทุนการเล่นที่ต่ำกว่า ย่อมไปได้เปรียบคนที่มีต้นทุนสูงกว่า ซึ่งดูได้จากหุ้นแพลทติน่วม PLAT ทำท่าเหมือนจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ แรงซื้อเริ่มไหลกลับเข้ามาให้เห็น พอเทรดไปเทรดมาหุ้นกลับร่วงลงมาปิดที่ 5.75 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 720 ล้านบาท ไม่รู้จะโทษใครดีระหว่าง “เจ้าของหุ้น” “ที่ปรึกษาฯ” หรือ “นักล่าหุ้นจอง” เจ้าค่ะ
*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ AOT โดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เปิดตลาดจนปิดตลาด เหตุผลไม่มีอะไรมาก แค่เกิดอาการตื่นตระหนกข่าวยกเลิก Charter Flight หลังมาตรฐานการบินของไทยมันห่วย แต่ถ้าดูจากตัวเลขที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับการทำกำไร มันแค่จิ๊บๆ การที่หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 280 บาท ลบไป 13 บาท หรือลงไป 4.44% มันโอเว่อร์รีแอ๊คนะจ๊ะ
*ส่วนที่โดนผลกระทบตามกันไปอย่าง AAV BA NOK ถือเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อให้เข้าลงทุน กระแสทางบวกเริ่มจุดไม่ติด นับวันมีแต่ข่าวร้ายโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จากหุ้นที่หลายคนคิดว่าจะเทิร์นอะราวด์ สุดท้ายกลายเป็นหุ้นที่โบรกเกอร์แนะนำให้ขายทิ้ง สภาพของหุ้นแต่ละตัวถึงดูไม่ได้เอาเสียเลย วันนี้ถึงต้องตัวใครตัวมัน..ขนาดน้องนกลงมาก่อนใครเพื่อน ยังไหลลงได้อีกแบบนี้..เดี๊ยนเกิดอาการเซ็งเป็ดขึ้นมาทันทีเจ้าค่ะ
*ในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นยังพอมีเรื่องให้นักเล่นสั้น ได้แก้เซ็งกันไปพลางๆ ล่าสุดเห็นมือดีเข้ามาไล่ราคาหุ้น RML แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.89 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 20% วอลุ่มไม่หนาแน่นสักเท่าไหร่ จึงมีความเป็นไปได้ที่วันนี้จะดันต่อกันอีกหนึ่งวัน ของมันคุ้นเคยกันมาก่อน จนมีลักษณะเป็นแบบ “วัวเคยค้า ม้าเคยขี่” จึงต้องมีช็อตสอง ช็อตสามไงหละคะ
*เหมือนกับในรายของหุ้นสงครามวันเดียว SPPT วันก่อนออกอาการเด้งดึงดั๋ง พอถัดมาอีกวันกลับรูดมหาราช “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิคที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นค่อยดูกันว่า ใจกล้าขนาดไหน? หากคิดว่า ตัวเองมีทั้ง 2 สิ่งอยู่ตัว วันนี้ต้องกล้าเก็บหุ้นเมื่อโดนทิ้งลงมาแรงๆ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 3.40 บาท บวกไป 0.48 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้หุ้นตัวนี้เด่นขึ้นมาอีกครั้ง และเหมาะสำหรับคนที่กล้าวิ่งตามนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SCN ทะยานขึ้นมาอย่างร้อนแรง หลังจากโดนถล่มเสียยับเยิน “โมนิก้า” มองว่า ไม่มีอะไรพิเศษ รูปแบบการเล่นยังเป็นแค่ซื้อเวลาไปวันๆ ของจริงที่เม้าท์กันให้แซดยังเป็นเพียงแค่ลมปากเป่า บวกกับช่วงนี้กองทุนมีนิสัยตีหัวเข้าบ้าน การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.70 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 8% มันเป็นเรื่องของคนที่เข้าใจเกมมากกว่าเข้าใจตัวธุรกิจนะจะบอกให้
*ถ้ามองประเด็นดังกล่าวไม่ออก “โมนิก้า” ขอยกตัวอย่างของ DIMET เพื่อย้ำถึงเกมการเงินที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมา ของจริงคือดีลรั่ว! ใครเป็นคนทำให้รั่ว? กลุ่มก๊วนเหล่านั้นทำอะไรอยู่? มารยาททางสังคมเคยรู้จักไหม? ในเมื่อทุกอย่างเกมโอเว่อร์ ฝั่งนี้ไม่ขายให้แน่นอน หุ้นก็ควรกลับลงไปอยู่แถว 2-3 บาท ล่าสุดหุ้นกลับวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 8.70 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 10% ไม่เมคเซนต์เอาเสียเลย..อิอิอิ
*ป.ล. มูลค่าการซื้อขายที่ปรากฏในระดับ 5.51 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขที่รวม big lot หุ้นปูนกลาง SCCC มูลค่า 2.21 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ตัวเลขการซื้อขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.30 หมื่นล้านบาท และเป็นตัวเลขที่มากกว่ากลางสัปดาห์เพียงเล็กน้อย ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายที่ 3.27 หมื่นล้านบาท จึงต้องลุ้นกันต่อไปว่า วันถัดไปบรรยากาศจะหงอยเหงาขนาดไหนนะจะบอกให้