Selective Buyโมนิก้าและทีมงาน

*ภาวะตลาดฯวานนี้หลังสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/59 โต 3% เป็นไปตามคาด แต่ก็ไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์สักเท่าไร เนื่องจากดัชนีตลาดมาปิดที่ 1,578.47 จุด บวกไป 0.63 จุด ด้วยมูลค่า 3.88 หมื่นล้านบาท ทำให้ “โมนิก้า” เห็นถึงโอกาสที่ดัชนี “ลุ่มๆ ดอนๆ” ต่อไปอีกระยะจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ที่สำคัญปัจจัยเก่าก็ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะประเด็นนโยบายปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดนะจะบอกให้


*ภาวะตลาดฯวานนี้หลังสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/59 โต 3% เป็นไปตามคาด แต่ก็ไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์สักเท่าไร เนื่องจากดัชนีตลาดมาปิดที่ 1,578.47 จุด บวกไป 0.63 จุด ด้วยมูลค่า 3.88 หมื่นล้านบาท ทำให้ “โมนิก้า” เห็นถึงโอกาสที่ดัชนี “ลุ่มๆ ดอนๆ”  ต่อไปอีกระยะจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ที่สำคัญปัจจัยเก่าก็ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะประเด็นนโยบายปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดนะจะบอกให้

*อีกทั้ง Fund Flow ต่างชาติยังเทขายไม่หยุดหย่อน ล่าสุดขายสุทธิ 272.47 ล้านบาท เห็นท่าทีอย่างนี้ตลาดหุ้นไทยคงจะตกอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไปอีกสักพัก ส่วนระยะนี้ประเด็นที่พอจะเป็นทางเลือกให้นักลงทุนได้ก็คงจะมีแค่เรื่องผลประกอบการปี 59 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่พอจะมีหุ้นรายตัวที่ให้เล่นได้บ้าง เน้นกำไรสวย ปันผลสูง ตามกลยุทธ์ “Selective Buy” เพราะภาวะแบบนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย…อิอิอิ

*เริ่มต้นรายตัววันนี้ “โมนิก้า” คงต้องขอพูดถึงJAS ก่อนใครอื่น หลังวานนี้ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 9.20 บาท ก่อนจะเด้งกลับมาปิดที่ 9.35 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.58% ด้วยมูลค่า 2.47 พันล้านบาท ว่ากันว่างานนี้มีเสียงแปร่งๆ ดัง อู๊ด อู๊ด อู๊ด ระงมอยู่ทั่วตามห้องค้า จริงไม่จริงไม่ทราบ แต่เมื่อเล่ากันมาเช่นนั้นแล้วจะให้เดี๊ยนพูดอย่างไรได้ล่ะค่ะ อิอิ

*เรื่องของเรื่องอยู่ตรง พ่อดอกมะลิตัวดี ประกาศงบปี 59 ออกมาเหลือกำไรเพียง 3 พันล้านบาท เทียบกับปี 58 ฟันกำไรไปถึง 1.57 หมื่นล้านบาท มิหนำซ้ำเตรียมปันผลแค่ 0.25 บาท ด้วยเหตุผลประการละฉะนี้ หลายคนจึงตกอกตกใจระคนผิดหวัง พากันเคาะซ้ายแบบรัวๆ จนมือเป็นระวิง งานนี้ไม่เข้าข้างหรือซ้ำเติมใคร แค่อยากบอก ว่ามันไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่คิดนะจ๊ะ!

*หากย้อนกลับไปดูงบในปี 58 จะเห็นว่า JAS มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์สูงถึง 1.32 หมื่นล้านบาท พอมาปี 59 กำไรประเภทอย่างว่าลดเหลือ 2.16 พันล้านบาท ประกอบกับไปลงทุนเพื่อขยายโครงข่ายเพิ่ม 2.61 พันล้านบาท และยังโดนปรับค่าเบี้ยวใบอนุญาต 4G อีก 841 ล้านบาท แล้วแบบนี้จะเรียกว่ารถขนสุกรคว่ำได้หรือเปล่า ใครรู้ก็กริ๊งกร๊างมาบอกเดี๊ยนแล้วกัน แต่ที่แน่ๆ ราคาเป้า 10 บาทยังเฟิร์มอยู่ใช่ไหมค่ะ เฮีย ช. ขา

*กลับกันเป็นรายของ TRCผู้เหนียมอายแต่คับคั่งด้วยสตอรี่เลิศหรูอยู่เต็มมือ วานนี้ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.68 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 425 ล้านบาท แบบนี้สงสัยจะหาฤกษ์งามยามดีสำหรับลงเสาเอก เหมืองโปแตชที่ จ.ชัยภูมิ ได้ภายในไตรมาสนี้เสียแล้ว ยังไงรบกวน “เฮียสมัย” หรือ “หนุ่มเต้” ช่วยยืนยันข่าวดีด้วยแล้วกัน ไม่งั้นบอกเลยถ้าให้หญิงสาวผู้ลึกซึ้งในอารมณ์อย่าง “โมนิก้า” ต้องคิดเอาเอง แล้วยิ่งรายหลังเป็นซีอีโอหนุ่มหล่อไฟแรง อาจทำให้เดี๊ยนคิดเลยเถิดไปไกลจนเลย 2 บาทก็เป็นได้นะเจ้าค่ะ        

* เช่นเดียวกับในรายของINOX ราคาพุ่งแรงราวกับติดเทอร์โบ ขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.72 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือ 12.40% ด้วยมูลค่า 407.24 ล้านบาท เห็นแล้ว “โมนิก้า” ยังร้องโอ้โหเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผลประกอบการปี 59 เลอค่าน่าชมสุดๆ โดยกำไรเติบโตจากปีก่อนเกือบ 4 เท่าตัว หลังทำรายได้จากการขายเหล็กสเตนเลสรีดเย็นเพิ่มกว่า 17% แถมหลุดเกณฑ์ Cash Balance เป็นวันแรก ก็เลยทำให้ราคาวิ่งฝุ่นตลบเลยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของSAT ราคาหุ้นได้กระชากตัวขึ้นมาปิดที่ 16.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.23% ด้วยมูลค่า 43.85 ล้านบาท โดยวิ่งแรงแบบไม่แคร์กันซักนิดว่ากำไรไตรมาส 4/59 ที่ประกาศออกมาไม่เลิศหรูเพราะลดลงจากปีก่อนถึง 16% มาอยู่ที่ 171 ล้านบาท แต่บรรดาเซียนหุ้นทั้งหลายต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละคือช่วงฟื้นตัวเป็นบวก แถมยังปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นไปอีก เอาเป็นว่างานนี้ใครจะเชื่อก็เชื่อ ส่วนตัวเจ๊โมนิก้าขอเตือนก่อนว่า ดูกันไปยาวๆ เพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลังนะคะ

* ส่วนในกรณีของ IVL แม้วานนี้ราคาจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 36.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือ 0.68% ด้วยมูลค่า 1.57 พันล้านบาท วอลุ่มหนาแน่นพอสมควรหลังผลประกอบการล่าสุดยังแข็งแกร่ง “โมนิก้า” มองว่าเป็นหุ้นหายาก เพราะมีกำไรเกินหมื่นล้านแต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าร้อย แถมเข้าปีใหม่ก็ยังดูดีมีราศี พร้อมรีเทิร์นตามวัฏจักร PTA-PET ในช่วงขาขึ้น ฟากผู้บริหาร “อาลก” เปิดบ้านให้นักวิเคราะห์เข้าพบหวังปรับมุมมองและเป้าหมายใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก หนำซ้ำการซื้อกิจการในสหรัฐและยุโรปเริ่มส่งผลบวกพร้อมรับรู้รายเข้ากระเป๋าเต็มปี แบบนี้ “โมนิก้า” ขอยกให้เป็น Top Pick ตัวแม่กลุ่มปิโตรฯเลยเจ้าค่ะ

*ตบท้ายกับหุ้น FSMART ที่คงต้องบอกว่า เหนื่อยแน่ๆ หลังขาใหญ่อย่าง TRUE โดดเข้าร่วมวงธุรกิจตู้เติมเงิน ขณะที่ยังมีคู่แข่งอย่าง AJD พร้อมแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด น่าจับตาดูว่า FSMART จะยังคงความเป็นเบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมได้หรือไม่ และมีไม้เด็ดเบอร์ไหนมาใช้ในการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านปีนี้ แต่ “โมนิก้า” ดูแล้วเชื่อว่าขาใหญ่ยังไม่น่าจะเดินหน้าเต็มที่มากนัก แต่อย่าประมาทเชียวล่ะเจ้าค่ะ เพราะของแบบนี้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ด้านราคาหุ้นอ่อนไหวต่อข่าวมาปิดที่ 19.30 บาท ปรับลงไป 0.20 บาท หรือ 1.03% ด้วยมูลค่า 32 ล้านบาท

 

Back to top button