PTG ได้เวลาคั้นมะนาวแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ปกติแล้วผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั่วๆ ไป จะเลือกเอาวันประกาศงบการเงิน (อาจจะปันผล) ทำการแถลงแผนธุรกิจในอนาคตพร้อมกันไปเลย แต่ผู้บริหารยักษ์ค้าปลีกน้ำมันอย่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คิดต่างออกไป
ปกติแล้วผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั่วๆ ไป จะเลือกเอาวันประกาศงบการเงิน (อาจจะปันผล) ทำการแถลงแผนธุรกิจในอนาคตพร้อมกันไปเลย แต่ผู้บริหารยักษ์ค้าปลีกน้ำมันอย่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คิดต่างออกไป
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ซีอีโอคนขยัน ที่นั่งควบเก้าอี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PTG ไม่รองบแล้ว มั่นใจออกมาแถลงไปเลยว่าปีนี้จะทำอะไร ให้ผู้ถือหุ้นทราบทิศทางของบริษัทว่าจะเดินไปหนไหน
แผนธุรกิจที่ไม่ธรรมดาที่ประกาศออกมา ประกอบด้วย
– ตั้งงบลงทุนในปีนี้ 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายและปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงการลงทุนธุรกิจใหม่ด้วย
– ใช้เงินบางส่วนจำนวน 3,500 ล้านบาท ขยายและปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันที่ปัจจุบันมีกว่า 1,400 สาขา และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 1,800 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ ขึ้นชั้นเป็นหมายเลข 1 ของผู้ให้บริการทั่วประเทศในด้านจำนวนสถานีบริการ
– ตั้งเป้ารายได้ปี 2560 แตะ 1 แสนล้านบาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันดีเซล 25 บาท/ลิตร และน้ำมันดิบดูไบอยู่ในระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
– ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 40% จากปี 59 ที่มีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 2.9 พันล้านลิตร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4
– มุ่งเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร PT Max Card เป็น 7.4 ล้านสมาชิก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 5.6 ล้านสมาชิก
– ใช้เงินลงทุนอีกบางส่วน 500 ล้านบาทจะใช้ลงทุนในธุรกิจนอนออยล์เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 2% เป็น 60% ภายในอีก 10 ปีข้างหน้าแต่ปีนี้ตั้งเป้าเล็กๆ ว่า จะมีรายได้เพิ่มเป็นราว 2,700 ล้านบาท เติบโต 155% จากราว 1,000 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” จะมีสาขาครบ 100 สาขา ในกลางปีนี้ และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 200 สาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 60 ซึ่งจะไม่ได้จำกัดพื้นที่แค่เพียงในสถานีบริการน้ำมันเท่านั้น แต่จะขยายไปตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย และสนามบิน เพื่อทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มจำนวนร้านแม็กซ์ มาร์ท (Max Mart) เป็น 140 สาขาอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังมีแผนในอนาคตที่ยังเพิ่งก่อรูปขึ้นมา ให้ความสนใจที่จะขยายธุรกิจไปยังเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ (ออโตแคร์ เซอร์วิส) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 2/60 รวมถึงยังให้ความสนใจลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่น ขยะและไบโอแก๊ส โดยยังรอความชัดเจนเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะของภาครัฐที่จะออกมาในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้
แผนธุรกิจนี้ เป็นยุทธศาสตร์ “คั้นมะนาว” ในเชิงคุณภาพ เพื่อเก็บเกี่ยวดอกผลการลงทุนขยายสถานีบริหารน้ำมันมาต่อเนื่อง แล้วผ่านการเก็บรายละเอียดมารอบคอบ หลังจากที่พบว่า การขยายธุรกิจปั๊มน้ำมันที่ผ่านมาและจะมีต่อไปในอนาคต ทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทดู “ขี้เหร่” ไม่น้อย เพราะต่ำกว่า 3% เพียงแต่ก้าวย่างให้ธุรกิจที่มาร์จิ้นต่ำรุกไปโดยมีธุรกิจมาร์จิ้นสูงเกาะพ่วงนั้น ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้ หากไม่มีรายละเอียดเพียงพอ
นั่นหมายความว่า นับจากนี้ไป สิ่งที่ซีอีโอพิทักษ์คิดและลงมือทำนั้น จะทำให้เห็นหน้าเห็นหลังกับอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ไม่ชวนให้เสียวไส้อีกต่อไปเหมือนที่ผ่านมา
สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของธีมปีนี้ของPTG คือบริษัทจะดำเนินธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งในอนาคต กับธีมที่มีชื่อว่า “Age of Innovation” เพื่อสร้างแบรนด์ ด้วยนวัตกรรม ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกันคือ 1) ใช้เทคโนโลยี SYN4MAX ในการช่วยผลิตน้ำมันเครื่องคุณภาพสูง พีที แมกซ์นิตรอน 2) การเปิดตัวแอปพลิเคชัน “พีที โมบาย แอพพลิเคชั่น” เพื่อให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า และ 3) ใช้องค์ความรู้จากพาร์ตเนอร์ “ซัปโปโร” มาผลิตพลังงานทดแทนอย่างเอทานอล
คิดอย่างบูรณาการและคั้นมะนาวจนหมดน้ำอย่างนี้ ค่าพี/อีของราคาหุ้น PTG ที่เคยสูงลิ่ว จะไม่ยอมลด….ก็ให้มันรู้กันไป
“อิ อิ อิ”