BIG โตมากกว่าขายกล้อง แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
สมกับเป็นหนึ่งในบริษัทที่โดดเด่นรอบด้านของตลาดหุ้นไทยปี 2559 เสียจริง สำหรับงบการเงินบริษัทขายกล้องและอุปกรณ์ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG
สมกับเป็นหนึ่งในบริษัทที่โดดเด่นรอบด้านของตลาดหุ้นไทยปี 2559 เสียจริง สำหรับงบการเงินบริษัทขายกล้องและอุปกรณ์ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG
กำไรสุทธิงวดสิ้นปี 2559 ที่มากถึง 846.00 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 84% มาจากรายได้ในการขายและบริการ 5,089 ล้านบาท เติบโต 44.37% จากปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 586 ล้านบาท ไม่ต้องอาศัยวิศวกรรมการเงินอะไรให้ยุ่งยาก แต่เกิดจากฝีมือการดำเนินงานล้วนๆ
กำไรออกมาปุ๊บ ประกาศจ่ายปันผลทันที ระดับ 0.07 บาทต่อหุ้น กำหนดวันขึ้น XD (ผู้ซื้อไม่ได้รับสิทธิปันผล) ภายในวันที่ 18 เม.ย.นี้ … น้อยไปหน่อย แต่หุ้นอย่างนี้ ไม่มีใครหวังปันผลหรอก แค่ส่วนต่างของราคาก็เหลือเฟือ…โดยไม่ต้องแสดงตลก
คำอธิบายประกอบงบการเงินน่าสนใจว่า รายได้จากการขายเกินกว่า 80% เป็นรายได้จากการขายปลีกอุปกรณ์ถ่ายภาพ เลนส์ และอุปกรณ์เสริม ผ่านทางสาขารวมทั้งสิ้น 222 สาขาทั่วประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพ เลนส์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้เครื่องหมายการค้าชั้นนำในประเทศไทย เช่น แคนนอน นิคอน ฟูจิ โซนี่ โอลิมปัส เป็นต้น ซึ่งรายได้จากการขายสินค้าของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้จะชะงักไปบ้างจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ที่ทำให้กล้องขาดตลาดในช่วงไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา แต่ก็สามารถเพิ่มยอดขายกลับมาเมื่อไตรมาสสี่ได้
นักวิเคราะห์หลายสำนักมองในเชิงบวกว่า การฟื้นตัวเร็วของตลาด Mirrorless ด้วยเหตุผล ที่ผู้ผลิตกล้องยอดนิยม อย่าง Fujifilm และ Olympus มีการออกรุ่นใหม่ ในขณะที่สินค้ากล้องของค่าย Sony ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ให้อัตรากำไรแก่ BIG สูงกว่าค่าเฉลี่ย สามารถกลับเข้าสู่ตลาดได้ตามปกติ หลังจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
หากแรงส่งที่สำคัญหนีไม่พ้นมาตรการ ช้อปช่วยห้าง……เอ๊ย…ช้อปช่วยชาติของภาครัฐ 2 ครั้งในช่วงสงกรานต์ และปลายปี มีส่วนสำคัญกระตุ้นยอดขายเข้าทาง BIG หมด….
ทั้งเก่ง และเฮง ….จะไม่กำไรระเบิดเบ้อก็ให้รู้ไป
ผู้บริหารบริษัท กลับมีมุมมองอีกทาง ในเอกสารอธิบายงบการเงินว่า นี่เป็นแค่เริ่มต้น เพราะภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2559 ที่เติบโต ยังไม่ใช่จุดสุดยอด เพราะยังสามารถมีช่องที่จะเติบโตกว่าเดิมในปีนี้ เนื่องจากผลลัพธ์ของการวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมกล้องดิจิตอลในไทย ที่มีการต่อยอดไปหารายได้ใหม่ด้วย
เรียกว่าของเดิมก็เติบโตต่อเป็นฐานราก แต่ของใหม่ก็มาต่อยอดให้โดดเด่น
จุดแข็งที่คู่แข่งไม่มีของ BIG อยู่ที่กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว และผู้ผลิตอย่าง Nikon และ Canon เพิ่งลงมาเล่นตลาด Mirrorless ในปีนี้ เพื่อดึงตลาดกลับคืนมาในมือ ขณะที่ ผู้ผลิตแบรนด์เดิมจะทำตลาดแบบ Exclusive กับ BIG มากขึ้น (มีบางรุ่นที่จำหน่ายเฉพาะ BIG เท่านั้น)
เรียกว่าเพิ่มความหลากหลายของทางเลือกให้ผู้นิยมกล้องสามารถเลือกได้แบบลางเนื้อ ชอบลางยา … ว่างั้น
ธุรกิจที่มาแรงสุดๆ จากยุทศาสตร์ทลายกำแพงธุรกิจที่กล้ามั่นใจ และ อ่านขาด คือ การขยายรูปแบบการดำเนินการใน Wonder Photo Shop by BIG Camera ซึ่งแมวมองย้ำว่า มาร์จิ้นสูงมาก ที่เพียงแค่เริ่มก็มีการเติบโตรวดเร็วมากชนิดชวนตะลึง แม้ขนาดของรายได้จะยังเล็ก จากการให้บริการด้านการถ่ายภาพและพิมพ์ภาพครบวงจร ที่ลูกค้าสามารถเลือกการอัดภาพ และตกแต่งภาพถ่ายได้ด้วยตัวเองตามจินตนาการของลูกค้า ปัจจุบันเปิดดำเนินการแล้วแค่ 2 สาขา คือ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาเซ็นทรัลอีสต์วิลล์
ส่วนธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือที่พ่วงต่อกับธุรกิจรายได้จากการขายและบริการรวมเดิมปีที่ผ่านมา 5,089 ล้านบาทของธุรกิจขายกล้องและอุปกรณ์เดิม คือ AIS shop by Partner เป็นสิทธิในการบริหารจัดการร้าน AIS Shop ที่บริษัทได้รับอนุญาตจากทาง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด เริ่มเบื้องต้นจำนวน 3 ร้าน โดยในระหว่างปี 2559 ได้เปิดให้ดำเนินการแล้วที่เซ็นทรัล มารีน่า พัทยา แล้วปีนี้จะขยายมากกว่า 25 แห่ง ก็กำลังไปได้สวย ใกล้คืนทุนแล้ว
ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้ผลประกอบการโดยภาพรวมของบริษัทเติบโตขึ้นต่อเนื่องมาถึงในปี 2560 ซึ่งคาดเป้าเอาไว้ที่จะเติบโต 10-20% ทำให้มั่นใจว่าปีนี้เมื่อสิ้นปี จะสามารถหนุนกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ดาวเด่นปีนี้ หรือ นิวสตาร์ หนีไม่พ้นธุรกิจPrinting เพื่อเป็นการขยายตลาด ซึ่งนายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ระบุชัดเจนไม่ต้องอ้อมค้อมว่า จะเปิดเกมรุกทางการตลาดด้วยการให้ความรู้แก่ลูกค้า ให้มีความเข้าใจในการใช้งานให้มากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาบริษัทเปิดสาขา Printing ในรูปแบบ Stand Alone คือ ร้าน Wonder Photo Shop by Big Camera ไปแล้วจำนวน 2 สาขา จากแผนเปิด 5 สาขา ในเฟสแรก ซึ่งปีนี้ก็จะดำเนินการเปิดให้ครบตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมทั้งเพิ่มไลน์อัพผลิตภัณฑ์ printing ในสาขา Big Camera ทุกสาขา พร้อมทั้งพิจารณาแผนงานในเฟสสอง
2 แรงแข็งขัน ถ้าไม่เวิร์กก็ให้รู้กันไป
ได้ของเล่นใหม่แล้ว มีคำถามว่าจะลืมของเก่าเล่ายี่ห้อเพราะเพลินกับ “เอ๊าะๆ” หรือไม่ คำตอบคือไม่มีทางเพราะนายธนสิทธิ์ บอกเองว่า จะยังคงเดินหน้าเสริมช่องทางการตลาดต่อไป เปิดสาขา BIG Camera อย่างต่อเนื่องภายใต้แผนงานที่กำหนดจะขยายสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา โดยปัจจุบันมีสาขา BIG Camera ทั่วประเทศจำนวน 222 สาขา
มั่นใจกันถึงอนาคตขนาดนี้ ไม่แปลกที่นักวิเคราะห์ที่เคยมองข้ามของดีราคาต่ำในอดีต จะหันมาเมียงมองมากขึ้น นักวิเคราะห์สำนักใหญ่หลายรายพูดเหมือนนัดกันล่วงหน้าว่า ราคาเป้าหมายปีนี้ ต้องที่แถว 6.90-7.00 บาท
ควรจะเชื่อดี หรือ รอช้อนเวลาร่วงลงกันดี… เป็นการบ้านใหม่ของคนชอบหุ้นพื้นฐานแกร่งเสียแล้วยามนี้ เพราะล่าสุด ค่าพี/อีที่แถวๆ 24-25 เท่า มันก้ำกึ่งเหลือเกิน
ทำใจลำบากพอสมควร เข้าทำนอง “… เหม่อมองดูฟ้า ก้มหน้ามองดิน…”
จะเข้าซื้อก็กลัวติดดอย
จะไม่ซื้อก็เสียโอกาส
“อิ อิ อิ”