PSH หมูหกเรี่ยราดแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นที่ร่วงแรงของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรื่อยมาจนถึงสัปดาห์นี้ ชนิดฟื้นไม่ขึ้น เหลือแค่ ต่ำกว่า 22.60 บาท แม้นักวิเคราะห์จะแนะให้ซื้อกันเป็นการทั่วไป ...ถือว่านักลงทุน มีเหตุผลในตัวเอง
ราคาหุ้นที่ร่วงแรงของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรื่อยมาจนถึงสัปดาห์นี้ ชนิดฟื้นไม่ขึ้น เหลือแค่ ต่ำกว่า 22.60 บาท แม้นักวิเคราะห์จะแนะให้ซื้อกันเป็นการทั่วไป …ถือว่านักลงทุน มีเหตุผลในตัวเอง
การขายหุ้นของนักลงทุนโดยทั่วไป มี 4 สาเหตุ เพราะ 1) มีตัวเลข ขาดทุน หรือกำไรลดลง 2) งดจ่ายปันผล 3) โครงสร้างบริหารจัดการดูไม่ลงตัวทะแม่งๆ 4) ราคาหุ้นแพงเกิน
กรณีของ PSH เข้าเค้าเกือบทุกประเด็น ยกเว้น ประเด็นสุดท้าย เพราะนับแต่แปลงโฉมเข้ามาเริ่มต้นเทรดสองเดือนมาแล้ว ราคาถอยลงมาจนเข้าเขตขายมากเกินแล้ว ไม่แพงเกินแน่นอน
งบการเงินของบริษัทโฮลดิ้งอย่าง PSH ในไตรมาสแรกเป็นเรื่องเข้าใจกันได้ว่าไม่สวย เพราะพ่วงต้นทุนค่าแต่งตัวปรับโครงสร้างเข้าไปด้วย ผสมกับการรับรู้รายได้จากบริษัทใต้ร่มธงในรูป เงินปันผล จะต้องรอรับรู้และบันทึกหลังจากผ่านไตรมาสแรกหรือสองของปี 2560 ไปแล้ว จะใส่เข้ามาทันทีในปี 2559 ไม่ได้
ข้อเท็จจริงจากงบการเงิน ที่หากมองข้ามปัญหาเทคนิคที่ทำให้ PSH มีตัวเลขขาดทุน มีอยู่ว่า ผลประกอบการไตรมาสสี่ 2559 ดีกว่าคาด รายได้เท่ากับ 13,948 ล้านบาท ลดลงไปเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน 20.1% แต่ดีกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 13,087 ล้านบาท
ความน่าสนใจอยู่ที่ อัตราการทำกำไรขั้นต้นทำได้ดีกว่าคาดเท่ากับ 35.7% จากที่คาด 33.5% เนื่องจากความสามารถจากการขายอาคารแนวราบที่ทำได้ดีกว่าปกติ ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังคงใกล้เคียงที่คาดไว้ ดังนั้นทำให้กำไรสุทธิเท่ากับ 2,001 ล้านบาท แม้จะลดลงจากปีก่อน 32.9% ก็เป็นแค่โอนโครงการลูกค้าช้าลงไป ไม่ใช่ขายไม่ออก
การบันทึกรายได้รวม ปี 2559 มีรายได้รวมเท่ากับ 46,926 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8.4% ถือว่าไม่แปลก ใกล้เคียงกับที่คาด 46,065 ล้านบาท แต่…..กำไรสุทธิที่ดีกว่าคาดประมาณ 4% ที่ระดับ 6,069 ล้านบาท ถือเป็นฝีมือ เพราะเดิมใครก็คาดเดาว่าแย่กว่านี้เยอะระหว่างแต่งตัวจัดโครงสร้างบริษัทใหม่
รายได้ที่ลดลงทางเทคนิค น่าจะไปโผล่ที่ต้นปี 2560 ซึ่งทำให้ในเบื้องต้น มีคนประเมินล่วงหน้า…. อาจถูกหรือผิด และ/หรือ น้อยไปหรือมากไป ได้ทั้งนั้น….ว่าสิ้นปี 2560 PSH จะมีรายได้จากธุรกิจเดิม ที่ระดับ 50,050 ล้านบาท โตขึ้น 6.7% และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเมื่อสิ้นงวดงบปีที่ 6,522 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน ที่เพิ่งประกาศไป 7.5%
ประเด็นเรื่องไม่จ่ายปันผลต่างหากที่มีผลต่อราคาหุ้น เพราะการงดจ่ายปันผลของ PSH เนื่องจากปี 2559 มีผลขาดทุนสุทธิทางบัญชี ที่พูดกันอย่างเถรตรงคืองบไม่สวย.. เหมือนสาวสวยตื่นขึ้นมาวาดคิ้วแค่ข้างเดียว… ผลลัพธ์คือหมูหกเรี่ยราด เพราะคนอ่านงบไม่เป็นเทขายระบายอารมณ์ออกมา ทั้งที่ความจริงเป็นแค่ประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น
การจ่ายปันผลที่จ่ายแน่แม้ PSH จะขาดทุน จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ล่าช้าจากปกติไปประมาณ 2-4 สัปดาห์จาก PS เดิมที่ยามนี้กลายเป็นบริษัทย่อยไปแล้ว
มีการประเมินว่าน่าจะจ่ายปันผลกันที่เดือนมิถุนายน (ประเมินว่าจ่ายประมาณ 0.65-0.69 บาทต่อหุ้น หรือ 3% ก็ถือว่าไม่เลว) ดังนั้นคนใจร้อนทั้งหลายที่ขายไปแล้ว โปรดทราบไว้ด้วย จะกลับมาซื้อใหม่หรือไม่…. ก็ควรทราบไว้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก แล้วมาเคืองกันอีก
ในมุมกลับนักวิเคราะห์หลายค่ายพากัน “เชียร์แขก” ว่าราคาหุ้นที่ลงมา น่าซื้อยิ่งเพราะอัพไซด์น่าสนใจยิ่ง บางรายให้ราคาเป้าหมายมากถึง 27 บาทหรือมากกว่า แต่ราคานั้น ไม่รวมการลงทุนในโรงพยาบาลอันเป็นธุรกิจใหม่
PSH เพิ่งประกาศตั้ง บ.ย่อย บริษัท โรงพยาบาลวิมุตติ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเป็นโฮลดิ้งทำธุรกิจด้านสุขภาพ โดยมีมูลค่าการลงทุนในโครงการแรก รวมประมาณ 4,900 ล้านบาท ซึ่งรวมมูลค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างอาคารเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอื่นๆ
การลงทุนแตกธุรกิจนี้ สอดรับแผนยุทธศาสตร์ของการสร้างโฮลดิ้งอย่าง PSH ขึ้นมา เพื่อหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) แทนการ “สร้างแล้วขาย” อสังหาริมทรัพย์แบบเดิมๆ ที่นับวันอัตรากำไรสุทธิจะกำไรถอยลง…. สาละวัน
การลงทุนแตกธุรกิจใหม่นี้ บิ๊กบอสใหญ่ของกลุ่ม PSH นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออกตัวมาแถลงเองเบื้องต้นว่า เริ่มด้วยการลงทุนก่อสร้างอาคารและติดตั้งเอง ไม่ใช้การซื้อกิจการทางลัดเข้ามา
เงื่อนไขลงทุนคือ จะเลือกทำเลอยู่บนถนนสายหลักใจกลางเมือง (CBD) โดยจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 4.9 พันล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 63 เริ่มต้นบนที่ดินที่เตรียมไว้ 8 ไร่ แถวบริเวณย่านสะพานควาย โดยจะแบ่งการลงทุนเฉลี่ยปีละ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งยังไม่รับรู้รายได้จนกว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563
นายทองมาระบุว่า คาดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะใช้ระยะเวลาในการคืนทุนภายใน 2-3 ปีหลังจากการเปิดให้บริการ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโรงพยาบาลวิมุตตินั้นจะเป็นลูกค้าระดับกลาง ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของประเทศ และเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการของ PS เดิม โดยที่จะมีบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร
จากวิศวกรมาเป็นหมอ คงต้องใช้เวลาปรับกันหน่อย ซีอีโอและประธานทองมา ก็เลยบอกผ่านๆ ไปก่อนว่า แผนงานต่างๆ ในการรุกธุรกิจโรงพยาบาลของ PSH จะมีการประกาศอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงเริ่มต้น ทำให้รายละเอียดต่างๆ ยังไม่ออกมาอย่างชัดเจนนัก
ที่สำคัญ การก่อสร้างโรงพยาบาลบริษัทจะต้องขอใบอนุญาตผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนการก่อสร้างอาคาร และขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงพยาบาล
สรุปง่ายๆ ว่า ปีนี้อย่าเพิ่งคาดหวังว่า “บุญใหม่” จากธุรกิจโรงพยาบาลคงจะไม่ทัน ต้องกิน “บุญเก่า” ไปพลางๆ ก่อน
ตามประสา อาหารอร่อย ต้องใจเย็นๆ
อยู่ที่จะรอไหวรึเปล่า
สำหรับนักลงทุนใจร้อน คงรอไม่ไหว… ก็เป็นโอกาสสำหรับคนที่มี “เงินเย็น” เก็บของถูกกันไป
ลางเนื้อ ชอบลางยา
“อิ อิ อิ”