WHA รายย่อยต้องทำใจ แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

การขายหุ้นของรายใหญ่บางคน (ที่ไม่ประสงค์ออกนาม) ของบริษัท โกดังโลจิสติกส์ และ ทำนิคมอุตสาหกรรม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ให้กับกองทุนใหญ่ของมาร์ก โมเบียส พ่อมดนักบริหารกองทุนตลาดเกิดใหม่ “เทมเปิลตัน” ที่มีฐานใหญ่ในฮ่องกงมายาวนาน จำนวน 458 ล้านหุ้น หรือ 3.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 2.80 บาท ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และไม่จำเป็นต้องหาว่าขายเพราะอะไร หรือซื้อเพราะอะไร

รู้แค่ว่าคนขายพอใจจะขายเพราะมีกำไร ส่วนคนซื้อก็คงพอใจเพราะได้ราคาที่คาดหวังว่าอนาคตจะมีกำไร 

เพียงแต่ช่วงเวลาที่ซื้อขายน่ะ มันน่าสนใจมากกว่า เพราะ 1) ซื้อขายหลังจากประกาศงบการเงินสิ้นปี 2559 ที่สวยงามแถมล้างขาดทุนสะสม และล้างหนี้ขนาดใหญ่ได้หมดหรือเกือบหมด 2) เป็นจังหวะการที่คนซื้อยังสามารถใช้สิทธิ์ซื้อหุ้น บริษัทลูกชื่อ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ที่จะเข้าขาย IPO ในตลาดเร็วๆ นี้

งานนี้ มองมุมไหน คนซื้อก็ได้กำไร 2 เด้งตลอด…. เข้าข่าย “ฉลาดซื้อ” ทุกกรณี

จะบอกว่าของมันเคยก็น่าจะไม่ผิด เพราะก่อนหน้านี้กองทุนเทมเพิลตัน ได้เคยเข้ามาซื้อหุ้น WHA แล้วครั้งหนึ่ง หรือคิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ดังนั้นเมื่อรวมกับการซื้อครั้งล่าสุดเมื่อตอนแจ้ง (23 กุมภาพันธ์ 2560 ) สัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนเทมเพิลตันใน WHA ยังไม่ถึง 5% จึงไม่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

ในกรณีแรก นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ซีอีโอคนสวยพริ้งตลอดกาล ของ WHA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 2,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 944 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 48% จากปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,953ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากรายได้รวม และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จะเพิ่มขึ้น

อีกด้านหนึ่ง WHA แสดงตัวเลขรายได้รวมก้าวกระโดด จำนวน 18,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6,254 ล้านบาท จากงวดปี 2558 ที่มีรายได้รวมจำนวน 13,102 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ รวมถึงรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ได้เต็มปี

​ในรายละเอียดเป็นกลุ่มธุรกิจ WHA มีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการจำนวน 3,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 687 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23%  มีรายได้จากการให้เช่าและบริการคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงาน จำนวน 1,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2558 เป็นผลจากการรับรู้รายได้ของบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินได้เต็มปี

ขณะที่มีรายได้จากการให้บริการระบบสาธารณูปโภค จำนวน 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%จากปี 2558 โดยมีรายได้จากการให้บริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทเหมราช รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 แห่ง  นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มีจำนวน 14,162 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมฯจำนวน 2,425 ล้านบาท ลดลง 38% จากปีก่อน เพราะมีการโอนที่ดินลดลง

ส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มีจำนวน 11,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% ซึ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน อาทิ รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) จำนวน 4,145 ล้านบาท และรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) จำนวน 6,279 ล้านบาท

รวมถึงมีรายได้จากการขายคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าในรูปแบบ Built-to-Own จำนวน 354 ล้านบาท อีกทั้งยังมีรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทดับบลิวเอชเอไดวะ โลจิสติกส์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นร่วมทุน จำนวน 958 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในงวดปี 2559 บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 498 ล้านบาท ลดลง 20% จากปี 2558 เนื่องจากได้มีการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป

ความสามารถในการล้างขาดทุนสะสมหมดจด ทำให้การจ่ายปันผลทำได้ราบรื่น ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ลงมติเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ อนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.1536 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 2,200 ล้านบาท  โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิ (XD)วันที่ 4 พ.ค.2560 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 23 พ.ค.2560 

ส่วนกรณีหลัง อย่างที่ทราบกันดีว่า WHAUP กำลังอยู่ระหว่างนำเสนอและแต่งตัวเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 229.50 ล้านหุ้น  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกานำเสนอข้อมูลกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ข้อดีคือ การขาย IPO ของ WHAUP (ซึ่งยามนี้ยังไม่มีการกำหนดราคาขายหุ้นจอง) แต่หากพิจารณาแล้วจะพบว่า ราคาจองของหุ้นนี้ ต้องไม่น้อยกว่าหุ้นละ 50 บาท เพราะมีหุ้นค่อนข้างน้อยนั้น จะมีหุ้นส่วนหนึ่ง ที่เป็นหุ้นสามัญที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมของ WHAUP ได้แก่  H-International (SG) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WHA จำนวนไม่เกิน 104.5 ล้านหุ้น หรือ 45% (ซึ่งโดยพฤตินัยก็ของ WHA ทั้งหมดนะแหละ แม้จะเป็นคนละนิติบุคคล) มาร่วมขายกับหุ้น IPO ของ WHAUP ไม่เกิน 125 ล้านหุ้น 

หุ้นของ WHAUP ที่จะออกขายนี้ มีลักษณะการขายแบบ RO คือขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น ใครอยากได้ WHAUP ต้องถือหุ้น WHA ไว้ก่อน….ไม่งั้นอด

ไม่ได้หุ้นแม่ อย่าหวังได้หุ้นลูกอย่างนี้เรียกว่าขายพ่วง… เข้าใจป่าว!!!!

เงื่อนไขหลักคือ ขายหุ้น WHAUP ให้รายย่อย จำนวนไม่เกิน 57.29 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ 172.21 ล้านหุ้น ขายให้กับรายใหญ่และกองทุนเป็นสำคัญ

การเห็นแก่รายใหญ่มากกว่ารายย่อย ทำให้สัดส่วนที่รายย่อยทั่วไปของ WHA จะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นของ WHAUP จึงถูกกำหนดมีขึ้นเสียจนน่าขนหัวลุกพองทีเดียว…อัตราส่วน 250 หุ้น ของ WHA ต่อ 1 หุ้นสามัญของ WHAUP

ดังนั้นถ้านับตามเงื่อนไขนี้ กองทุนเทมเพิลตัน ที่ซื้อหุ้นแม่อย่าง WHA ไปทั้งหมด 458 ล้านหุ้น ก็มีโอกาสจะได้รับสิทธิซื้อหุ้น WHAUP ที่ระดับประมาณ 1.832 ล้านหุ้น 

ไม่มากไป ไม่น้อยเกิน

เรียกว่า จองกำไรไว้ล่วงหน้ากันเลยทีเดียว 

ไม่ใช่กำไรจากแค่หุ้น WHAUP เพราะแม่อย่าง WHA ที่งานนี้ได้เวลา “ขายลูกสาวกิน” ก็ต้องฟันกำไรพิเศษจากการขายหุ้น WHAUP มากถึง 104.5 ล้านหุ้นด้วย กำไรส่วนนี้ จะปรากฏให้เห็นทันทีที่มีการขายหุ้นจองของ WHAUP ทันที…. ไม่นับหุ้นส่วนที่เหลือถือใน WHAUP   ที่จะมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นตามมูลค่าตลาด 

ก่อนหน้านี้กองทุนเทมเพิลตัน ได้เข้ามาซื้อหุ้น WHA แล้วครั้งหนึ่ง หรือคิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ดังนั้นเมื่อรวมกับการซื้อครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา สัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนเทมเพิลตันใน WHA ยังไม่ถึง 5% จึงไม่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

เห็นกำไรเหนาะๆ อย่างนี้ รายย่อยคงต้องทำใจว่า เมื่อยังไม่ถึงขั้นเป็นพ่อมดระดับ มาร์ก โมเบียส ก็คงต้องทำใจ

งานนี้ WHA เล่นเกมหุ้นระดับไฮโซไปแล้ว รายย่อยคงได้แต่ดีสุดก็แค่…. กินน้ำใต้ศอก

เพราะงานอย่างนี้ ต้องมีเงิน จึงจะจ้างผีมาโม่แป้งให้ได้

เข้าใจรึยังจ๊ะ ที่รัก