ATP30 ใจกว้าง หวังปลดหนี้แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

บริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแปลกกว่าใคร แต่มุ่งมั่นกับเป้าหมายในการเติบโตต่อเนื่องเป็นขาขึ้นยั่งยืนอย่างธุรกิจรับจ้างขนพนักงานไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกอย่าง บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) มีความโดดเด่นในตัวเองมานับแต่เข้าตลาด ที่คนตาดีย่อมมองเห็นได้ไม่ยากว่าเป็น “ทองเนื้อเก้า” มาตั้งแต่ต้น


บริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแปลกกว่าใคร แต่มุ่งมั่นกับเป้าหมายในการเติบโตต่อเนื่องเป็นขาขึ้นยั่งยืนอย่างธุรกิจรับจ้างขนพนักงานไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกอย่าง บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) มีความโดดเด่นในตัวเองมานับแต่เข้าตลาด ที่คนตาดีย่อมมองเห็นได้ไม่ยากว่าเป็น “ทองเนื้อเก้า” มาตั้งแต่ต้น

เพียงแต่ตอนแรกที่เข้ามาในตลาด อาจจะมีหนี้ติดเข้ามาด้วยจากการทำลีสซิ่งมูลค่ามหาศาล ที่ต้องทยอยจ่ายกันมาเรื่อยๆ ทำให้เสน่ห์ถูกมองข้ามไปบางส่วน

ยามนี้ เมื่อราคาหุ้นของ ATP30 โบยบินเหนือ 2.20 บาท ด้วยงบสวยหรู แม้จะมีขนาดเล็กแบบ “จิ๋ว แต่ แจ๋ว” แต่ผู้บริหารและกรรมการก็ยังไม่พอใจ มองไปข้างหน้าชนิดโต 2 ด้านพร้อมกันคือ รายได้โต เคียงคู่ ราคาหุ้นสวย

ผลลัพธ์จึงออกมาไม่ธรรมดา เป็นวิศวกรรมการเงินที่ลือลั่นชนิด เซียนเรียกพี่

เริ่มตั้งแต่งบการเงินก่อน   นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2559 ว่า บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 300.78 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 264.27 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 36.51 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น13.82%

ผลของรายได้ที่เติบโตมาก ทำให้มีกำไรสุทธิ 21.93 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.80 ล้านบาท จำนวน 10.13 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 85.89%

อัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มมากกว่าอัตราเติบโตของรายได้ บอกได้ว่า การบริหารต้นทุนการเงินของธุรกิจนี้ ทำได้ดียอดเยี่ยมแค่ไหน

เคล็ดลับมีอยู่ว่า ปี 2559 บริษัทมีจำนวนรถที่ให้บริการกับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ  อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 71.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 23.86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 59.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 22.36%

กำไรสวยอย่างนี้ จะเร่งจ่ายปันผลด้วยเงินสด มันก็กระไรอยู่ เพราะบริษัทยังอยู่ในช่วงคิดหาทางสร้างรายได้มากขึ้น ซึ่งต้องทดสอบการลงทุนใหม่ๆ อีกระยะหนึ่ง ดังนั้น การจ่ายปันผล จึงเลี่ยงมาเป็นการจ่ายด้วยหุ้นแทน เพื่อสำรองเงินสดเอาไว้ในลักษณะ เผื่อเหลือเผื่อขาด

นายปิยะ ยอมรับว่า บริษัทเคยผ่านการเป็นลูกหนี้เรื้อรังมานานหลายปี จึงไม่ต้องการก่อหนี้เพิ่มเติม จึงเลือกเอาการจ่ายปันผลเป็นหุ้น แถมเงินสดเพื่อเสียภาษีอีกเล็กน้อย

ผลที่เกิดขึ้นคือ มติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2560 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.04473 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 19,681,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94.79% ของกำไรสุทธิปี 2559 โดยแบ่งเป็น การจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เกิน 55,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตรา 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล

ตามสูตรนี้ เท่ากับอัตราการจ่ายเงินปันผล เป็นหุ้นสามัญที่ 0.03125 บาทต่อหุ้น และการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวนไม่เกิน 5,931,200 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดที่ 0.01348 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้น XD วันที่ 11 เมษายน และกำหนดจ่ายปันผล 2 พฤษภาคมนี้

จ่ายปันผลดีแบบนี้ กรรมการบริษัทก็ยังมีความอ่อนไหว เกรงว่านักลงทุนรายย่อยจะหาว่า “ขี้เหนียวสุดๆ” มติเพิ่มเติมของคณะกรรมการที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำเพื่อรักษาความภักดีผู้ถือหุ้นเป็นระยะยาวคือ ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 หรือ  ATP30 – W1 จำนวนไม่เกิน 123,750,000 หน่วย ที่จัดสรรจัดให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตรา 4:1 ซึ่งรวมจำนวนหุ้นสามัญที่เกิดจากการจ่ายหุ้นปันผลในครั้งนี้โดยไม่คิดมูลค่า

ATP30 – W1 มีอายุไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ในราคา 0.85 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหลักทรัพย์แปลงสภาพ (XW) 12 พฤษภาคม

พิจารณาอย่างหยาบๆ ราคา ATP30-W1 ที่จะเข้าเทรดนั้น น่าจะไม่ต่ำกว่า 1 บาท เป็นเพราะจำนวนหน่วยที่ออก มีไม่มาก แต่ราคาแปลงสิทธิค่อนข้างต่ำ

งานนี้ ใครถือหุ้นแม่อย่าง ATP30 สามารถนอนรอ…โดยไม่มีพระนำได้อย่าง….ตาหลับสบายใจ ไร้กังวล

ก็บอร์ดเล่นใจกว้างยิ่งกว่าอ่าวพัทยาอย่างนี้ จะไม่เชียร์ให้ซื้อกันอย่างไรไหว

“อิ อิ อิ”

Back to top button