ทริกเกอร์ฯอีกแล้วลูบคมตลาดทุน
วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ครับ
วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ครับ
นักลงทุนต่างชาติขาย 2,203 ล้านบาท
และนักลงทุนสถาบันซื้อ 2,391 ล้านบาท ประเด็นนี้น่าสนใจ
ก่อนหน้านี้ มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ได้ออกกองทุนประเภท “ทริกเกอร์ ฟันด์” ลงทุนในหุ้นไทยจำนวน 5-6 กองทุน รวมมูลค่าราวๆ 6-7 พันล้านบาท
เริ่มเสนอขายมาตั้งแต่ปลายอาทิตย์ก่อน
และมาปิดขายกองทุนเมื่อวันก่อนหน้า หรือ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
ทว่าระหว่างนั้น บลจ.ได้เริ่มเข้าทยอยเก็บหุ้นที่เป็นเป้าหมายมาอยู่เรื่อยๆ และล่าสุด หลังปิดขายกองทุน พอวันรุ่งขึ้นก็เข้าซื้อเพิ่มทันที ทำให้ยอดของนักลงทุนสถาบันพองขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน บอกว่ามีหุ้นหลายตัวที่เป็นทาร์เก็ตของทริกเกอร์ ฟันด์
เช่น ROBINS, ERW, SPA, MONO, ADVANC, CPALL, BANPU และ QH
นอกจากนี้ ก็ยังได้เข้าไปเก็บหุ้นในกลุ่ม Small Cap หรือหุ้นขนาดเล็กบ้าง
ผู้บริหารของกองทุนต่างมองว่า แนวดัชนีประมาณ 1,490-1,500 จุด เหมาะต่อการลงทุน หรือการออกทริกเกอร์ ฟันด์ จึงออกมาอย่างที่เราเห็นกัน
ทริกเกอร์ ฟันด์ หลายกองทุน ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนแตกต่างกัน
แต่โดยเฉลี่ยก็อยู่ 5-6% ในช่วงเวลา 8 เดือน
ส่วนใหญ่มั่นใจว่าทำได้ตามเป้า หลังเคยมีบทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ หรือในปี 2556 ที่ออกมากันเยอะมาก และตั้งเป้าหมายยีลด์กันสูงๆ
แต่ปรากฏว่า ปิดกองทุนกันไม่ได้ ตลาดลงก่อน และต้องปรับเป็นกองทุนเปิด
พอมาในช่วงกลางปี 2557 มาถึงต้นปี 2558 เป้าหมายผลตอบแทนจึงตั้งกันไม่สูงมาก แต่ก็ทำได้ตามเป้าหมายกันเป็นส่วนใหญ่
และก็ส่วนใหญ่จะเข้าเป้าก่อนกำหนด
หากพวกเขาเข้าลงทุนหุ้นถูกตัว ถูกจังหวะนะครับ
อย่างก่อนหน้านี้มีของ บลจ.กรุงไทย เพิ่งจะปิดกองทุนไป คือ กองทุนเปิดกรุงไทย 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ 4 (KTIG5-4) หรือเป้าหมาย 5% และปิดก่อนกำหนดถึง 6 เดือน
และถือว่าสวนทางกับดัชนีขาลงซะด้วย
นั่นเพราะหากดูจากดัชนีในช่วงที่กองทุนนี้เข้าลงทุน และมาถึงวันที่ปั้นยีลด์ได้ตามเป้า
ดัชนีปรับลดลงมา 4.80%
แต่สำหรับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์นี้ กลับสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.70%
หรือสูงกว่าผลตอบแทนตลาด 10.50%
นั่นแสดงว่า ในภาวะที่ตลาดยังเป็นขาลง ก็ยังมีหุ้นเจ๋งๆ หลายตัว แอบซุกซ่อนไว้อยู่ ภาษาชาวบ้านเขาเรียก ตาดีได้ ตาร้ายเสียนั่นแหละ
วานนี้ มีความเห็นของคุณธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้
เขาบอกว่า ได้ปรับกลยุทธ์การเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงนี้ ด้วยการหันไปลงทุนหุ้นในกลุ่ม Small Cap
ทว่าจะโฟกัสเฉพาะในส่วนที่อยู่ใน SET100
หุ้นในกลุ่มดังกล่าวสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 40%
และหากเทียบกับผลตอบแทนของตลาดในช่วงเวลาเดียวกันพบว่า ของตลาดเติบโตเพียง 10%
แต่ในช่วงที่ทริกเกอร์ ฟันด์ เข้าลงทุนมากๆ ก็มีคำเตือนว่า จะต้องระวังเช่นกัน เพราะหากดัชนีหรือผลตอบแทน (ราคา) ของหุ้นนั้นๆ ปรับขึ้นมาสูง
กระทั่งผลตอบแทนของทริกเกอร์ฟันด์เข้าเป้า
ก็อาจมีแรงเทขายกันออกมา
และอาจจะกดดัชนีหุ้นปรับลงมาได้
แต่ในจังหวะนี้ก็จะมีโบรกฯ บางแห่ง ออกบทวิเคราะห์ที่เป็นคำเตือนออกมา
ต้องคอยติดตามกันล่ะ