คอร์รัปชั่นย้อนศร

ยุคซ่อมแซมประชาธิปไตยชำรุด ทั่วบ้านทั่วเมืองยกป้าย “ปราบโกง” กันสลอน กว่า 2 ปีมานี้ มีแต่การไล่ล่าปราบโกง ผู้นำประเทศก็คอยตอกย้ำเสมอว่าพวกโกงคือพวกนักการเมือง ต้องหาทางดำเนินคดีและเอาตัวมาลงโทษให้หมด


ขี่พายุ ทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์

 

ยุคซ่อมแซมประชาธิปไตยชำรุด ทั่วบ้านทั่วเมืองยกป้าย “ปราบโกง” กันสลอน กว่า 2 ปีมานี้ มีแต่การไล่ล่าปราบโกง ผู้นำประเทศก็คอยตอกย้ำเสมอว่าพวกโกงคือพวกนักการเมือง ต้องหาทางดำเนินคดีและเอาตัวมาลงโทษให้หมด

สังคมถูกชี้นำไปว่า นักการเมืองเท่านั้นที่โกง ทหารไม่โกง ข้าราชการไม่โกง หรือถ้าโกงก็โกงน้อยมาก

แต่ความเป็นจริงชักจะมีอะไรย้อนแย้งเพิ่มขึ้นทุกที!

ซึ่งไม่ต้องดูอะไรอื่นไกล รายงานดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นทั่วโลกประจำปี 2559 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใส

ประเทศไทยตกจากอันดับ 76 ในปี 2558 ไหลมาอยู่ถึงอันดับ 101 ด้านคะแนนลดลงจาก 38 มาอยู่ที่ 35 คะแนนเท่านั้น

เขาจัดอันดับเป็นรายปีมาเช่นนี้ทุกปี แต่เมื่อรายงานเผยแพร่ออกมาใหม่ๆ ท่านผู้นำและโฆษกปากเปราะรีบออกมาป้องกันตัวเองทันทีว่า เป็นผลงานคอร์รัปชั่นของรัฐบาลเก่า แต่ตอนนี้ดูจะสงบปากไปแล้วเพราะจำนนต่อข้อเท็จจริง

ภาวะเช่นนี้น่าเป็นห่วง เพราะความผิดโยนให้รัฐบาลเก่าหมด รัฐบาลตัวเองรับแต่ชอบอย่างเดียว ใครจะไปเสนอแนะแก้ไขอะไร คงไม่มีประโยชน์แล้ว คือไม่รับฟัง

แล้วเรื่องอย่างนี้ ควรต้องรับฟังกันไหม กรณี 7 สนช.ที่กินเงินเดือน 2 ทางทั้งเป็นข้าราชประจำ ข้าราชการบำนาญ และก็กินเงินเดือนสนช. 1 แสนกว่าบาท มีคนสนิทเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการพร้อม แต่ดันไม่เข้าประชุมอย่างน่าเกลียด

ในจำนวนนี้มีน้องชายนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย ถามว่าน่าเกลียดไหม เห็นด่านักการเมืองขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ยอมเข้าประชุมสภา แต่ทีพวกตัวเองมาเป็นสภา มันก็แปะเอี๊ยะอีหรอบเดียวกับนักการเมืองล่ะว้า

“ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง” ที่สำคัญใน 7 สนช.สันหลังยาวนั้น มีน้องชายนายกรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย เห็นกระบวนการพยายามจะช่วยเหลือโดยอ้างว่าไม่ผิดข้อบังคับระเบียบอะไร

แต่ถ้าคิดถึงความชอบธรรม ตอบได้ไหมเล่าว่ามันชอบธรรมแล้วหรือ

ถามว่าเข้าข่ายคอร์รัปชั่นไหม ก็เข้าข่ายเต็มๆ แหละ เพราะพวก 7 สันหลังยาวนี้กินเงินเดือนหลวงทั้ง 2 ทาง นายกรัฐมนตรีที่พร่ำบ่นเรื่องการปราบโกงวันละ 3 เวลา ไม่ลงมาปัดกวาดทำความสะอาด 7 สนช.ที่ตั้งมากับมือได้อย่างไร

หรือจะเป็นประเภทว่า ความผิดผู้อื่นหนักแน่นเท่าขุนเขา แต่ความผิดพวกเดียวกันเบาบางเท่าขนนก

แล้วจะไปปราบโกงทั่วแผ่นดินได้จริงหรือ

ผมมีเรื่อง “คนดีที่น่าสงสัยในความบริสุทธิ์” คนหนึ่งมาฝาก นั่นก็คือคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการสตง.ที่เป็นไอดอลขบวนการคนดี เที่ยวชี้หน้าด่าว่าคนอื่นโกงไปทั่ว

วันนี้เรื่องของเธอที่นำคณะไปทอดกฐินหลวงที่จ.น่าน แต่ดันทำเรื่องเบิกจ่ายเป็นการเดินทางไปสัมมนาเป็นเงินจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 2.9 แสนบาท ศาลมีคำตัดสินแล้วครับ

ศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์ลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี ส่วนคำขอจำเลยขอรอลงโทษนั้นสตง.มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของส่วนราชการอื่นให้เป็นไปตามกฎหมายและมติครม.

แต่กลับไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเสียเอง

จึงยกคำร้องจำเลย คงการลงโทษจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญาเอาไว้ จากนี้ไปก็คงจะไปต่อสู้กันในชั้นศาลฎีกาแหละครับ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โปรดระวังคนมือถือสาก ปากถือศีล ห้อยโหนขบวนการคนดี

Back to top button