ไปไม่รอด

เจาะกระดานหุ้น : โมนิก้าและทีมงาน

 

*วานนี้มีคนถามไถ่เกี่ยวกับอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เกิดขึ้นกับ “โมนิก้า” ในช่วงระยะเวลา 1-2 วันที่ผ่านมาเยอะแยะไปหมด ซึ่งเดี๊ยนก็แปลกใจเหลือเกินว่า ทำไมต้องมาสนใจอากัปกิริยาที่แสดงออกมาในแต่ละวัน เพราะน้องโมก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จึงอย่ามาสนใจอะไรมากมายอีกเลย เพราะทุกวันนี้ค่อนข้างยุ่งกับการสับรางผู้ชายที่เข้ามาพัวพันพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้จึงขอพักเรื่องส่วนตัวไว้เพียงเท่านี้ และขอย้อนกลับมาดูบรรยากาศการลงทุนที่ออกอาการเป๋อีกรอบ ทั้งที่วันก่อนพยายามดันกันสุดลิ่มทิ่มประตู สุดท้ายก็ไปไม่รอดเหมือนกับที่ “โมนิก้า” เกริ่นนำไว้เมื่อวันก่อนว่า การโกงความตายไม่สามารถใช้ได้บ่อยๆ วานนี้ถึงเห็นดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,549.24 จุด ลบไป 2.49 จุด ด้วยมูลค่า 3.80 หมื่นล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้หัวสมองน้อยๆ ของสาวน้อยผู้น่ารักอย่าง “โมนิก้า” เกิดจินตนาการขึ้นมาในทันทีว่า คงถึงเวลาต้องเคลียร์ทุกอย่างให้มันชัดเจนสักที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องของความไม่ชัดเจน ส่งผลให้การเข้าลงทุนเป็นแบบมึนๆ งงๆ ไม่รู้เหตุผลแท้จริงที่ทำให้หุ้นขึ้น แต่ยังเฮโลกันไปแบบนักลงทุนที่ขาดสติ ผลสุดท้ายเลยเจ็บตัวกันอย่างถ้วนหน้าเจ้าค่ะ

*เหมือนกับอาการฮึดสู้ของหุ้นลิสซิ่งสีเทาจากแดนปลาดิบ GL มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นหันมาสนใจเยอะแยะไปหมด แต่ที่กลายเป็นชนวนเหตุให้ผู้คนเม้าท์ถึงไม่เลิกคือ เรื่องราวบางอย่างเริ่มแดงขึ้นมาเรื่อยๆ ผนวกกับเดี๊ยนเป็นคนชอบเผือกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงขอเวลารวบรวมข้อมูลอีกนิดหน่อย ก่อนจะทำรายการแฉแบบจัดหนักในจันทร์หน้าก็แล้วกันนะคะ

*ก่อนจะไปถึงเรื่องราวที่ค่อนข้างฟอนเฟะ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงนักวิเคราะห์สายฮาร์ดคอร์ที่ปรากฏตัวเป็นกองเชียร์หุ้นฉาวอย่างออกหน้าสักหน่อย เพราะผู้เล่นหลายรายรู้สึกแปร่งๆ กับคำแนะนำที่ออกมาเมื่อวานนี้เหลือเกิน เดี๊ยนจึงขอเก็บบันทึกรายชื่อโบรกเกอร์เหล่านั้นไว้สักหน่อย เพื่อวันข้างหน้าจะได้ทำการชำระสะสาง ขณะที่ราคาหุ้นทำได้ดีสุดแค่ปิดที่ 36 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า 3.54 พันล้านบาทเท่านั้นเองค่ะ

*ส่วนรายที่ขึ้นเว่อร์ๆ “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาดู KCE เป็นลำดับแรกก่อนใครเพื่อน หลังสวนภาวะขึ้นมาปิดที่ 101.50 บาท บวกไป 6 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่า 790 ล้านบาท มันน่าจะเป็นการรีบาวด์หลังจากอ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า ซึ่งเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องคิดให้ดีก่อนจะเคาะขวา เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า บรรยากาศโดยรวมไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ CBG เด้งขึ้นในลักษณะเดียวกับรายข้างต้นทุกอย่าง แต่ที่ต่างกันนิดหนึ่งคงเป็นเรื่องผลงานในไตรมาส 4 ปี 59 ไม่เป็นไปตามเป้า ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ 60.25 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่า 666 ล้านบาท คงหนีไม่พ้นการเด้งเพื่อลงเหมือนเช่นที่ผ่านมา ยกเว้นวันนี้หุ้นสามารถบวกต่ออย่างร้อนแรง ก็จะเป็นการกลับทิศอย่างเต็มตัวนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่มีภาษีดีกว่าค่อนข้างชัดเจน “โมนิก้า” คงต้องยกให้ SQ หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.85 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท แถมเป็นการปิดที่ราคาสูงสุดของวัน และยังมีข่าวดีออกมาเป็นระลอก มันทำให้เดี๊ยนเชื่ออย่างสนิทใจว่า หุ้นน่าจะทะยานขึ้นไปได้อีก เพราะกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางนะซี

*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีข่าวดีขึ้นมาทั้งที พรายกระซิบก็แนะนำให้หันมาดู EE ซึ่งมีข่าวแว่วๆ มาจากแดนไกลว่า กำลังมีดีลเกี่ยวกับขายไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตเกือบ 250 เมกะวัตต์ พร้อมกับพูดถึงเรื่องพันธมิตรใหม่อยากร่วมหอลงโลงเต็มที และดูเหมือนประเด็นข่าวดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1.37 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่า 103 ล้านบาทเสียด้วยแบบนี้..ต้องตามไปดูเจ้าค่ะ

*เปิดประเด็นถึงหุ้นร้อนๆ ขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ก็อยากให้ทุกท่านหันมาดู ACAP เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเหล่าผู้เล่นว่า เมื่อหุ้นขึ้นมาถึงจุดพีค โอกาสที่หุ้นจะไปต่อคงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ส่งผลให้การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 23.90 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์อย่างที่เราเห็นกันมาแล้วหลายรอบ ซึ่งหมายความว่า “ขึ้นต้องขาย” นะจะบอกให้

*คล้ายคลึงกับกรณีของ RP เด้งขึ้นมาปิดที่ 8.35 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 66 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมดันหุ้นออกของที่เคยเห็นกันมาแล้วหลายเที่ยว และเที่ยวนี้ก็เป็นลักษณะ “ดันแล้วพัก แล้วดันต่อ” หรือถ้ายังจำกันได้ติดตา 2 รอบก่อนหน้านี้ ก็มีการปิดเกมที่บริเวณ 8.80 บาท จึงอยากให้นักเล่นไปคิดกันเอาเองว่า “ควรตาม” หรือ “ควรถอย” นะจ๊ะ