CPF กำไรดี

จากข้อมูลของผู้บริหาร CPF ยังให้มุมมองทางบวกต่อการเติบโตในประเทศว่ามาจาก 1) กลุ่มไก่ยังดีจากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศคู่ค้าอนุญาตให้ไทยสามารถส่งออกไก่สดเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณการส่งออกของไทยในปี 2560 จะเติบโตได้อย่างน้อย 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2) แนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ 3) กลุ่มกุ้งคาดยังโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของ EMS ซึ่งจากการที่พันธุ์ลูกกุ้งของบริษัทเป็นพันธุ์ที่โตเร็วและปลอดโรคส่งผลให้ยอดขายพันธุ์ลูกกุ้งยังขยายตัว รวมถึงการขายอาหารกุ้งด้วย


คุณค่าบริษัท

 

 

จากข้อมูลของผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ยังให้มุมมองทางบวกต่อการเติบโตในประเทศว่ามาจาก 1) กลุ่มไก่ยังดีจากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศคู่ค้าอนุญาตให้ไทยสามารถส่งออกไก่สดเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณการส่งออกของไทยในปี 2560 จะเติบโตได้อย่างน้อย 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2) แนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ 3) กลุ่มกุ้งคาดยังโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของ EMS ซึ่งจากการที่พันธุ์ลูกกุ้งของบริษัทเป็นพันธุ์ที่โตเร็วและปลอดโรคส่งผลให้ยอดขายพันธุ์ลูกกุ้งยังขยายตัว รวมถึงการขายอาหารกุ้งด้วย

นอกจากนี้ มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายในต่างประเทศเช่น จีนจะเติบโตจากการบริโภคในประเทศเป็นหลัก รวมถึงการขยายฐานเข้าสู่กลุ่มอาหารมากขึ้น, เวียดนามจะเติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ, รัสเซียจะเพิ่มอาหารแปรรูปมากขึ้น ส่วนตุรกีเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการลดขนาดธุรกิจลง

อีกทั้งจะรับรู้รายได้จาก Bellisio ธุรกิจอาหารแปรรูปในสหรัฐเข้ามาเต็มปี ขณะที่โปแลนด์แม้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาเท่านั้น แต่มองว่าประเทศดังกล่าวจะมีศักยภาพการเติบโตที่ดีจากการเป็นฐานการผลิตเนื้อสัตว์ที่สำคัญในยุโรปจากต้นทุนการเลี้ยงที่ถูกและจะใช้เป็นฐานการส่งออกไปในยุโรป แต่ธุรกิจที่ยังไม่ดีนักคือหมูจากราคาที่ลดลงจากวงจรการเลี้ยงที่นานกว่าทำให้จะได้รับผลกระทบที่นานกว่าสัตว์อื่น ๆ

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดยอดขายจะเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 511,331 ล้านบาท แต่คาดว่าแนวโน้ม margin จะลดลงจากราคาขายที่จะลดลงและผลของราคาวัตถุดิบที่ลดลงจะไม่มากอย่างปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าการรุกในธุรกิจอาหารแปรรูปที่มากขึ้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย แต่คาดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ CPALL และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโปแลนด์เข้ามา (SuperDrob) คาดการดำเนินงานปกติจะลดลง 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะทีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 14,788 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานงบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 470,170.20 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 434,192.98  ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14,702.82 ล้านบาท หรือ 1.99 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 11,058.74 ล้านบาท หรือ 1.50 บาทต่อหุ้น

สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มสัตว์บกและสัตว์น้ำในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะยอดขายกลุ่มสัตว์บกในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 14% จากการรวมธุรกิจใหม่ในรัสเซียที่ซื้อมาและการถือหุ้นในกัมพูชามากขึ้น ส่วนสัตว์น้ำในไทยเติบโต 19% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายจาก EMS และจากราคาขายที่ดี ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบลดลงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 15.6% จาก13.8% แต่หากว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารควบคุมได้ดีทำให้ลดลง 3% อีกทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่มากขึ้นจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของ CPALL แต่หากว่าดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากหนี้ที่มากขึ้น และมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 2,126 ล้านบาท ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ 889 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 388 ล้านบาท

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 2,092,316,740 หุ้น 27.02%

2.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด 752,677,392 หุ้น 9.72%

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 698,383,373 หุ้น 9.02%

4.บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 203,859,940 หุ้น 2.63%

5.WORTH ACCESS TRADING LIMITED 195,662,200 หุ้น 2.53%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการ

2.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์ประธานคณะกรรมการบริหาร

3.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์กรรมการผู้จัดการใหญ่

4.นาย อดิเรก ศรีประทักษ์กรรมการ

5.นาย ประเสริฐ พุ่งกุมารรองประธานกรรมการ

Back to top button