กองทุนลุยเดี่ยว
*ดูเหมือนความชัดเจนในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอย่างเป็นทางการในคราวนี้ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปลดเปลื้องพันธนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ วานนี้ถึงเห็นรายการเขียวยกแผงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เมื่อบวกกับนักลงทุนสถาบันคลายวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด แรงซื้อจำนวนมากถึงไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนความชัดเจนในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอย่างเป็นทางการในคราวนี้ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปลดเปลื้องพันธนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ วานนี้ถึงเห็นรายการเขียวยกแผงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เมื่อบวกกับนักลงทุนสถาบันคลายวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด แรงซื้อจำนวนมากถึงไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งพะยะค่ะ
*โดยตลาดหุ้นไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าว วานนี้ถึงเห็นดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,557.05 จุด บวกไป 16.25 จุด ด้วยมูลค่า 5.61 หมื่นล้านบาทอย่างรวดเร็ว แถมเป็นการกลับขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญได้อย่างยอดเยี่ยม ย่อมทำให้โพสิชั่นของการลงทุนเปลี่ยนไปเป็นการเล่นเกมรุกมากขึ้น พร้อมกับมีความหวังจะได้เห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุดอีกรอบไงล่ะค่ะ
*ก่อนนักเล่นผู้กล้าจะเตลิดไปถึงตรงนั้น “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมาดูแนวต้านย่อยบริเวณ 1,585 จุด ยังเป็น ก.ข.ค. หรือ ก้างขวางคอชิ้นสำคัญที่ดัชนียากจะฝ่าขึ้นไปได้ และหนทางเดียวที่ดัชนีจะทะยานขึ้นไปแบบ ส.บ.ม.ย.ห. คงต้องพึ่งแรงซื้อจากฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นหลัก หรือได้แรงซื้อจากพวกปอบผีฟ้าเข้ามาเสริมอีกทางหนึ่ง ก็จะทำให้การเล่นเที่ยวนี้ไหลลื่นยิ่งกว่าโฆษณาเน็ต 4G ของดีแทค ที่น้องอั๊มรับเป็นพรีเซ็นเตอร์นะจะบอกให้
*เมื่อสถานการณ์หลายอย่างค่อนข้างเป็นใจ ย่อมทำให้หุ้นสุดเลิฟอย่างเช่น IRPC ของเดี๊ยนได้รับผลดีตามไปด้วยเต็มๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.25 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 7.15% ด้วยมูลค่า 1.63 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า ราคาต่ำกว่า 5 บาทเป็นจังหวะซื้อ ส่วนจังหวะขายต้องดูยอดเดิมแถว 5.40 บาทพะยะค่ะ
*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งรายที่ได้รับผลดีจากกองทุนในประเทศเข้าเก็บก็คือ ADVANC ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 175 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่า 2.75 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 7 เดือน ทำให้เดี๊ยนมั่นใจว่า นี่เป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำ และมองยอดเดิมที่บริเวณ 190 บาทได้อีกครั้ง เพราะแพทเทิร์นของหุ้นมาในโทนนี้ไงล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ MTLS หุ้นทีเด็ดที่น้องโมชอบพูดถึงเป็นประจำ และเหตุผลในการพูดถึงก็มาจากตัวเลขกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แวลูของหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 32 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท แถมเป็นการปิดตรงแนวต้านแบบเหมาะเจาะแบบนี้ หากผ่านไปไม่ได้คงต้องถอยไปตั้งหลักก่อนนะคะ
*ส่วนที่แข็งสุดๆ ในเที่ยวนี้กลายเป็น KKP ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนที่ 71 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทำ new high ในรอบกว่า 15 ปี หรือถ้าใกล้ขึ้นมาหน่อยก็เป็นการทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ตรง 70 บาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะน่าตามไปดูสำหรับคนชอบเสียวเจ้าค่ะ
*สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรหวือหวา “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ไปดู KTB ไว้เป็นทางเลือกหลักของการลงทุนในเที่ยวนี้ เพราะสถานการณ์ทางธุรกิจอยู่ในจุดที่ได้เปรียบแบงก์รายอื่นๆ เพราะภาครัฐกำลังจะผลักดันโครงการใหม่ออกมาเพิ่มเติม จึงน่าจะเป็นแบงก์เดียวที่ได้รับผลดีโดยตรงจากนโยบายดังกล่าว วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 20.40 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท เที่ยวนี้มองได้ถึง 23 บาทนะจะบอกให้
*ส่วนรายที่ต้องทำใจไว้ตั้งแต่เริ่มเคาะขวา คงไม่มีหุ้นตัวไหนเกินไปกว่า GL เพราะราคาหุ้นสวิงสวายจนอกอีแป้นจะแตก แถมการเคาะในแต่ละวันยังเป็นการเล่นแบบสุดซอย จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับกล้าเสี่ยงตาย ขนาดหุ้นรูดลงไปทำ low ที่ระดับ 13 บาท ยังสามารถดันกลับขึ้นมาปิดที่ 17.40 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 3.57 พันล้านบาท ได้เลยแบบนี้ เจ้ามือโหดเกินไปไหมล่ะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ ESSO รีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ 11.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่า 202 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงที่ผู้เล่นเลือกจะเดินในทางนี้ ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองให้ได้ เพราะไซเคิลใหญ่ของหุ้นในช่วง 2 เดือนครึ่งเป็นลักษณะ sideway down โดยจุดต่ำสุดใหม่จะเกิดขึ้นหลังจากการเด้งกลับประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนเที่ยวนี้จะเป็นจริงหรือไม่..ดูดีๆ นะคะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที ขอย้อนกลับมาดูของดีอย่างหุ้น ACAP ซึ่งมีผู้หวังดีประสงค์ร้ายจับไปอยู่ในเคสเดียวกับแก๊งลีสซิ่งสีเทานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมทุบเอาของเหมือนที่เคยเห็นกันมาเยอะแยะ แต่เผอิญเที่ยวนี้มีหลายคนเข้าใจโมเดลธุรกิจของ “น้องเค้ก” ค่อนข้างแตกต่างกับเจ้าที่มีปัญหาอย่างลิบลับ หุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 24.90 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาทแบบนี้ บอกได้แค่ว่า ไม่ตามไปดูแล้วจะเสียใจเจ้าค่ะ
*ป.ล. วานนี้กองทุนตัวแสบซื้อหุ้นคนเดียว 5.56 พันล้านบาท ทำให้ความเสี่ยงของการทะยานขึ้นหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของนักลงทุนกลุ่มเป็นหลัก จึงต้องจับตาดูการเคาะขวาของนักเล่นกลุ่มนี้ในแต่ละวันให้ดี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า “มาเร็ว เคลมเร็ว” ไงล่ะค่ะ