OCEAN ทะเลไม่เคยอิ่ม
การเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทขายก๊อกน้ำอย่างบริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นายฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ มีคำถามชวนให้งุนงงไม่น้อยใน 2 ประเด็นสำคัญคือ
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
การเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทขายก๊อกน้ำอย่างบริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นายฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ มีคำถามชวนให้งุนงงไม่น้อยใน 2 ประเด็นสำคัญคือ
- เป็นการเทกโอเวอร์กิจการแบบฉันมิตร หรือ สมยอมกัน หรือ เป็นการเทกโอเวอร์ฉันปรปักษ์กันแน่
- กลุ่มที่เข้ามาถือหุ้นใหม่ ที่เก็บหุ้นต่อเนื่อง ต้องการบริษัทที่มีทุนต่ำ หนี้ต่ำ และกำไรต่ำ นี้ไปเพื่ออะไร
ข้อเท็จจริงของ OCEAN ที่รับทราบกันโดยทั่วไปคือ เป็นบริษัทผลิตก๊อกน้ำที่มีโรงงานที่จังหวัดสิงห์บุรี เข้ามาระดมทุนในตลาด mai เมื่อ 4 ปีก่อน แต่รายได้ของบริษัทหลังจากเข้ามาในตลาด แล้วกลับไม่เติบโตขึ้น มีลักษณะทรงตัวที่ระดับต่ำกว่า 300 ล้านบาท แต่มุ่งมั่นไปกับการทำวิศวกรรมการเงินหลายอย่าง เช่น การแตกพาร์ และออกวอร์แรนต์รวมทั้งเพิ่มทุน ที่ไม่มีความจำเป็นมากนัก
ที่สำคัญ ใน 2 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขขาดทุนให้เห็น และมีกำไรเบาบางมาก โดยสิ้นปี 2559 มีกำไรสุทธิเพียงแค่ 1.57 ล้านบาท จากยอดรายได้เพียงแค่ 180.95 ล้านบาท
ต้นปีนี้ นายฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ได้ทยอยเก็บหุ้น OCEAN เข้าพอร์ต จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่ง โดยซื้อมาในราคาไม่เปิดเผยจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ OCEAN
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้ก่อตั้งกิจการ คือ กลุ่มนายอุชัย วิไลเลิศโภคา ก็ยังทำการขายหุ้นออกมาจากมือ จนล่าสุด กลุ่มนายอุชัย มีหุ้นในมือลดลงฮวบฮาบ จากสัดส่วนเดิม 42.37% เหลือแค่ 31.18%
การขายหุ้นของกลุ่มนายอุชัยนั้น มี 2 ส่วน คือส่วนของนายอุชัยเอง ขายออกไป 50 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.91% เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 โดยระบุว่าขายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่อยู่ในแวดวงธุรกิจก่อสร้าง และ นายชัยรัตน์ วิไลเลิศโภคา บุตรชายคนโตขายหุ้นให้นายฟ้าประทาน ในสัดส่วน 4.28%
นานอุชัยระบุว่า การขายหุ้นจำนวนมากเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่ได้บอกเหตุจูงใจดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร เพียงแค่ระบุถึงกระบวนการขายว่า “….ให้มาร์เก็ตติ้งเป็นคนทำให้ ซึ่งมาร์เก็ตติ้งก็จัดการให้ผม โดยที่ผมก็ไม่รู้วิธีทำของเขา ผมแค่บอกจะขายหุ้นเท่านี้ ราคาเท่านี้ แค่นั้น…”
ส่วนกรณีของนายชัยรัตน์ที่ขายหุ้นอกจากมือนั้น นายอุชัยระบุว่า “…เขาโตแล้ว มีความคิดของเขาเอง เราให้เขาไปแล้วก็เป็นสิทธิของเขา แต่นาย รัตนชัย ลูกชายของผมอีกคนไม่ได้ขายหุ้นเลย. ”
ทางด้านนายฟ้าประทาน แจ้งต่อตลาดฯว่า ได้ซื้อหุ้น OCEAN มาจากการซื้อ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 กลุ่ม โดยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. โดยนอกจากนายชัยรัตน์ วิไลเลิศโภคา แล้ว ยังมีซื้อจาก นายอิทธิ กาญจนบูรณ์ จำนวน 3.45% นายธารินทร์ วงษ์พันธุ์เที่ยง จำนวน 3.45% และนางสาววรรณี ธนสารธำรงศักดิ์ จำนวน 1.93%
นอกจากนั้น นายฟ้าประทาน ยังแจ้งเพิ่มเติมต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม ว่าได้หุ้นซื้อเพิ่มอีกจำนวน 3.267% ส่งผลให้มีหุ้นรวมล่าสุดเป็น 16.387%
หากมองจากคนภายนอก ปฏิบัติการโยกย้ายเงินทุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นกลุ่มเก่าไปสู่กลุ่มใหม่ ในลักษณะ “สมบัติผลัดกันชม” ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การอำพรางการถอยของกลุ่มเก่า และอำพรางอนาคตของกลุ่มใหม่ หมายถึงความสับสนที่เกิดกับนักลงทุนที่ร่วมถือหุ้นบริษัทอยู่
หากใช้เพียงแค่สามัญสำนึก การขายหุ้นออกจากมือในสัดส่วนกลุ่มนายอุชัย มากถึง 11.19 % ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน แม้จะอ้างว่า ยังคงถือหุ้นใหญ่อยู่ต่อไป และคงอำนาจการบริหารจัดการเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น….เพราะไม่ได้ตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้าใจเลยว่า การขายหุ้นทิ้งนั้น เป็นไปเพื่อสนองตอบยุทธศาสตร์ธุรกิจในอนาคตของ OCEAN อย่างไร และจะทำให้มีทิศทางในอนาคตอย่างไร
2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มนายอุชัย บริหารกิจการของ OCEAN ในสภาพที่เรียกว่า “เดินเลียบขอบเหว” แม้จะขาดทุนไม่มาก และกำไรไม่มาก แต่ไม่มีการเติบโตเอาเสียเลย เสมือนหนึ่งบริหารกิจการส่วนตัว “ไปวันๆ” ไม่ใช่บริษัทมหาชนจดทะเบียนที่ต้องการเพิ่มมุลค่าผู้ถือหุ้น… เป็นจุดอ่อนที่ทำให้ OCEAN เหมาะที่จะตกเป็นเหยื่อของการฮุบกิจการโดยกลุ่มทุนใหม่ได้ง่าย
ในมุมกลับกัน นายฟ้าประทาน ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ก็ทำตัว “กบดาน” กับความเคลื่อนไหวในการเข้าถือหุ้นใหญ่ของ OCEAN โดยไม่ออกมายืนยันว่า ต้องการเข้าฮุบกิจการหรือไม่ หรือ เพียงแค่เล่นเกมราคาหุ้นตามธรรมดาในระยะสั้น เพราะโดยข้อเท็จจริงจากผลประกอบการของ OCEAN คงยากที่จะมีการจ่ายปันผลสวยงามในระยะต่อไป เว้นเสียแต่มีการเปลี่ยนแปลงกลุยทธ์หรือยุทธศาสตร์ธุรกิจอย่างเข้มข้นกว่าปกติธรรมดา
ปริศนาอย่างนี้ ต่อให้ ราคาหุ้นของ OCEAN วิ่งขึ้นแรงแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเป็นแค่มายาภาพที่ซ่อนเร้นหลุมดำของปัญหาเอาไว้ เพราะความสามารถทำกำไรที่ต่ำลง อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
เกมของการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ OCEAN จึงเป็นเกมอันตราย พอๆ กับ “ตาบอด นำทางตาบอด” ชัดเจน…จะเทกโอเวอร์ฉันมิตร หรือ ฉันปรปักษ์ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจาก “ขุยไผ่ไร้ค่า” เท่านั้น
“อิ อิ อิ”