10 กองทุนรวมให้ผลตอบแทนสูงสุด

เส้นทางนักลงทุน

 

อีกครั้งกับการนำเสนอข้อมูล “กองทุนรวม” ก่อนจะจบไตรมาส 1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มี.ค.60 เพื่อจะทำให้นักลงทุนรู้ผลตอบแทนที่จะได้รับคร่าวๆ ณ ขณะนี้ ก่อนที่ข้อมูลสมบูรณ์แบบออกมาจริง โดยการรวบรวมข้อมูลกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด นับตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 23 มี.ค.60 (ตัวอย่าง 15 อันดับแรก)

(1) กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า ให้ผลตอบแทน 17.10% (2) กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดจ่ายเงินปันผล ให้ผลตอบแทน 17.10% (3) กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน ให้ผลตอบแทน 15% (4) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย ให้ผลตอบแทน 14.83% (5) กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย ให้ผลตอบแทน 14.82%

(6) กองทุนเปิดกรุงศรีเกรทเทอร์ไชน่าอิควิตี้เฮดจ์ปันผล ให้ผลตอบแทน 14.75% (7) กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า สตาร์ พลัส ให้ผลตอบแทน 14.56% (8) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นเกาหลี ให้ผลตอบแทน 13.93% (9) กองทุนเปิดทหารไทย China Trigger 8(3) ให้ผลตอบแทน 13.90% (10) กองทุนเปิดทหารไทย China Trigger 8(2) ให้ผลตอบแทน 13.88%

กองทุนทั้งหมดล้วนมีผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ซึ่งเพียงระยะสั้นก็โชว์ให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีพร้อมรักษาความเสี่ยงในระดับต่ำ

สำหรับกองทุนรวมดังกล่าวที่ให้ผลตอบแทนได้ดีจากความสำเร็จด้วยการลงทุน โดย กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund–Class A (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม

กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดจ่ายเงินปันผล มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund–Class A (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม

กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ คือ กองทุน UTI India Fund-1986 share ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในตราสารทุนที่จัดตั้งหรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย มีกลยุทธ์การลงทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Invesco Asian Equity Fund (Dublin) (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน Class C (AD) USD เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV

กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย มีกลยุทธ์การลงทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares India 50 ETF (กองทุนหลัก) ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินกองทุน

กองทุนเปิดกรุงศรีเกรทเทอร์ไชน่าอิควิตี้เฮดจ์ปันผล มีกลยุทธ์การลงทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน First State Greater China Growth Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า สตาร์ พลัส มีกลยุทธ์การลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศหรืออีทีเอฟที่ลงทุนในหุ้นจีน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นเกาหลี มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ iShares MSCI South KoreaCapped ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV

กองทุนเปิดทหารไทย China Trigger 8(3) มีกลยุทธ์การลงทุนที่ลงทุนในกองทุน UBS (Lux) Equity Fund–China Opportunity USD Class I-A1-acc ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ กองทุนหลักจะลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สิน ในตราสารทุนประเทศจีน

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ได้แก่ iShares India 50 ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund ( ETF) กองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ

ทั้ง 10 กองทุน ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนตลอดช่วงที่ผ่านมา!!