WINNER เติบโตสม่ำเสมอ

WINNER ยังคงได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมอาหารไทยที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ ทั้งตลาดส่งออกอาหารแปรรูปที่ EIC คาดขยายตัว 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และตลาดบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว 6-7% ต่อปี ซึ่งผลักดันมาจากกลุ่มอาหารพร้อมทาน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเครือร้านอาหาร (food service/ chain) ขยายสาขากันอย่างต่อเนื่อง


คุณค่าบริษัท

 

บริษัท วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WINNER ยังคงได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมอาหารไทยที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ ทั้งตลาดส่งออกอาหารแปรรูปที่ EIC คาดขยายตัว 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และตลาดบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว 6-7% ต่อปี ซึ่งผลักดันมาจากกลุ่มอาหารพร้อมทาน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเครือร้านอาหาร (food service/ chain) ขยายสาขากันอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น เป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ยังสนับสนุนให้ธุรกิจจัดหานำเข้าวัตถุดิบเพื่อการปรุงอาหารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, food chain/ food service และร้านเบเกอรี่ รวมถึงการนำอาหารสำเร็จรูปของบริษัทจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง

ส่งผลให้นักวิเคราะห์ ประเมินว่าบนเป้ารายได้เติบโตอย่างอนุรักษ์นิยมของบริษัทที่ 10% ต่อปี ผนวกกับความได้เปรียบของขนาดที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามยอดขาย

ขณะเดียวกันคาดว่าในปี 2560  WINNER มีกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท ขยายตัว 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และด้วยความสม่ำเสมอของธุรกิจ/ อุตสาหกรรมอาหาร จะส่งผลให้กำไรสุทธิจะขยายตัวเฉลี่ยอย่างน้อย 12% ต่อปี CAGR 2560-63 โดยไม่นับรวม upside อื่นในอนาคตที่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องสำอางค์ และเตรียมการกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ชา ผงชา เมล็ดกาแฟ กาแฟ ผงกาแฟ และช่องทางการขาย Online ใหม่อีกด้วย ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 60 กำลังอยู่ในช่วง High season ของธุรกิจอีกด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินงานงบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ก็พิสูจน์ว่าบริษัทสามารถสร้างผลงานได้แข็งแกร่งจริงๆ โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,734.29 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,449.53 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 105.33 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.98 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมาถึง 675.08 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 310.96 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 2.17 เท่า แสดงว่า บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินมากเกินความจำเป็น และอาจเผชิญกับปัญหาทุนจมในอนาคต

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 319.46 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ 603.82 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.53 เท่า แสดงว่า บริษัทไม่มีปัญหาหนี้สินมารบกวนการดำเนินงานแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เป็นการตอกย้ำว่า WINNER มีจุดเด่นทางกำไรเติบโตสม่ำเสมอ ดูได้จากปี 2556-2559 นั่นเอง สำหรับในปี 2556 บริษัทมีกำไรจำนวน 83.59 ล้านบาท ต่อมาในปี 2557 บริษัทมีกำไรจำนวน 76.51 ล้านบาท ส่วนในปี 2558 บริษัทมีกำไรจำนวน 88.98 ล้านบาท และในปี 2559 บริษัทมีกำไรจำนวน 105.33 ล้านบาท ซึ่งล้วนได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมอาหารไทยที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ

ที่สำคัญทางด้าน บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายเจน วองอิสริยะกุล 138,331,800 หุ้น 34.58%

2.นางวรรณพร วองอิสริยะกุล 35,100,000 หุ้น 8.78%

3.นายปวีณ โรจนวิศาส 15,625,000 หุ้น 3.91%

4.น.ส.กะรัตรัตน์ วองอิสริยะกุล 15,600,000 หุ้น 3.90%

5.น.ส.กนลลัส วองอิสริยะกุล 15,600,000 หุ้น 3.90%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ปราการ ทวิสุวรรณ ประธานกรรมการ

2.นาย ปราการ ทวิสุวรรณ กรรมการอิสระ

3.นาย ปราการ ทวิสุวรรณ ประธานกรรมการตรวจสอบ

4.นาย เจน วองอิสริยะกุล ประธานกรรมการบริหาร

5.นาย เจน วองอิสริยะกุล กรรมการผู้จัดการ

Back to top button