พาราสาวะถี

ออกอาการยัวะจัด หลังถูกนักข่าวถามเรื่องการวิสามัญ ชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาวลาหู่ “บิ๊กตู่” ควันออกหู ตะคอกกลับพวกเธออยู่ในเหตุการณ์กันหรืออย่างไร ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานก่อนได้ไหม


อรชุน

 

ออกอาการยัวะจัด หลังถูกนักข่าวถามเรื่องการวิสามัญ ชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาวลาหู่ “บิ๊กตู่” ควันออกหู ตะคอกกลับพวกเธออยู่ในเหตุการณ์กันหรืออย่างไร ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานก่อนได้ไหม ผิดถูกค่อยว่ากัน ต่อให้เป็นทหารถ้าผิดก็ไม่เอาไว้ วาทะของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะดูดุดัน แต่ก็ยังยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง

ผิดกับแม่ทัพภาคที่ 3 พลโทวิจักขฐ์ ศิริบรรสพ ที่คนได้ยินบทให้สัมภาษณ์ถึงกับสะดุ้ง เข้าใจนายต้องปกป้องลูกน้องใต้บังคับบัญชา แต่การที่บอกว่า “ถ้าเป็นผมกดออโต้ไปแล้ว” มันส่อให้เห็นถึงอะไรได้หลายประการ หากนำไปเทียบเคียงกับยุค ทักษิณ ชินวัตร ทำสงครามกับยาเสพติด ก็จะเป็นอย่างที่ผู้นำวันนี้ก็ยังกล่าวหา ผมไม่ได้ไปไล่ฆ่าใครอย่างโหดร้ายทารุณเหมือนในอดีต

เรื่องชัยภูมิมีระเบิดยังต้องรอการพิสูจน์ แต่ต่อให้มีแล้วเจ้าหน้าที่ป้องกันตัว ยิงด้วยกระสุนนัดเดียวก็ยังถือได้ว่ามีความปรานี ไม่โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่รู้ว่ายุคสมัยนี้ผู้นำเหล่าทัพจะต้องขึงขังดุดันกันหมดหรืออย่างไร แต่ไม่ว่าจะด้วยยึดถือท่านผู้นำเป็นแบบอย่างอย่างไร ก็ควรจะนึกถึงใจเขาใจเรา คนที่ตายไปแล้วควรจะถูกกระทำย่ำยีอย่างนั้นหรือ

ต่อให้ข้องแวะกับการค้ายาเสพติด ก็ไม่ควรที่จะถูกพูดจาในทำนองต้องฆ่าให้ตายอย่างโหดร้ายเลือดเย็นเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ เพื่อให้ตรวจสอบต่อถ้อยแถลงของแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นการก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมและขัดต่อระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยประมวลจริยธรรม 2551 และถือเป็นความผิดทางวินัยทหารโดยชัดแจ้ง

ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หากจุดตรวจที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่เร่งชี้แจงกระบวนการที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้สังคมสิ้นข้อสงสัย เหตุที่เรียกร้องหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เพราะจุดตรวจดังกล่าวเป็นจุดตรวจถาวร มีสิ่งปลูกสร้างมั่นคง หากทำงานกันอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ก็ควรจะมีเพื่อป้องกันข้อครหาทั้งปวง

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นแล้ว นาทีนี้ไม่ใช่เฉพาะสร้างความเคลือบแคลงให้กับกลุ่มองค์กรเอกชนที่เคลื่อนไหวภายในประเทศเท่านั้น หากแต่องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศก็ออกมาเรียกร้องถามหาความกระจ่างชัดต่อประเด็นนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้น อาการหงุดหงิดโมโหของท่านผู้นำจึงพอจะเข้าใจได้ว่ามาจากสาเหตุใด

อย่างไรก็ตาม สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว หนึ่งคือ อังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพาคณะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางต่อไปที่บ้านของนายชัยภูมิ และมีการพูดคุยกับพยานปากสำคัญ

ก่อนที่จะมีการนำพยานคนดังกล่าวไปแจ้งความและรับเข้าโครงการคุ้มครองพยานของรัฐ เพราะพยานปากสำคัญดังกล่าวแม้ว่าจะไม่เห็นเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุ แต่เป็นคนลุกขึ้นมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในคดีนี้ หลังจากนั้นปรากฏว่ามีผู้นำกระสุนปืนปริศนามาวางไว้ที่หน้าบ้านเป็นการข่มขู่ ประเด็นนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะปล่อยผ่านไม่ได้เช่นกัน

วันเดียวกันศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดเสวนา “ตัวตนอยู่หนใด ? แล้วใครไร้ตัวตน” ที่ห้องประชุมคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งภายในงานมีการจัดบอร์ดแสดงผลงานและการทำกิจกรรม รวมทั้งบอร์ดเขียนคำไว้อาลัยและระลึกถึงชัยภูมิ ในทุกความดีที่เขาเคยได้ทำ

ในงานดังกล่าวมีการเสวนาเรื่องสิทธิและความชอบธรรมของบุคคลไร้สัญชาติ ไร้รัฐ โดยมี พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์  นักวิชาการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ชัยพงษ์ สำเนียง นักศึกษาปริญญาเอกสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศรัญญา กาตะโล พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย และตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์เข้าร่วม

แม้จะมีการออกตัวว่าการจัดงานดังกล่าวไม่ได้มุ่งเน้นไปที่รูปคดี แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปถึงสังคมต่อการปฏิบัติกับชนกลุ่มน้อยเหมือนกัน โดยพัทธ์ธีรา บอกว่า เป็นกระบวนการคิดของสังคม และการสื่อความของสื่อมวลชน การต่อรองของกลุ่มชาติพันธุ์ในมุมของสังคม รวมทั้งการมีตัวตนของชนกลุ่มน้อยหรือการทำงานของคนหนุ่มสาวที่มีพลังและลุกขึ้นมาทำกิจกรรมที่ถูกสื่อไปในสังคม โดยตั้งคำถามว่า ตอบสนองหรือตีความกับคนหนุ่มสาวเหล่านี้อย่างไร จนกระทั่งต้องตัดสินปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข้อเรียกร้องต่อมาว่า ไม่ควรมีการใช้ความรุนแรงไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ต่อให้บุคคลผู้นั้นทำผิดแค่ไหนก็ตาม ควรใช้เหตุผลในการแก้ปัญหามากกว่า เพราะมนุษย์ต่างกับสัตว์ตรงที่มีกระบวนการใช้เหตุผล มนุษย์จึงควรเชื่อมั่นในการใช้ศักยภาพของการใช้เหตุผล แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐมักจัดการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล

ก่อนที่จะตามมาด้วยการขมวดปมให้ทหารเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณด่านที่เกิดเหตุ เพื่อคลี่ปมสงสัยทุกอย่างและให้ความกระจ่างต่อสังคม นั่นหมายความว่า การที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านั้นว่าด่านดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด ย่อมทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงว่า เหตุใดจึงเป็นไปเช่นนั้น เหมือนเป็นการเจตนาที่จะปกปิดอะไรหรือเปล่า

เอาเข้าจริงกรณีของชัยภูมิจากที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร หากผลสรุปลงเอยด้วยความไม่กระจ่างชัด มันจะมีปัญหาเกี่ยวพันมาถึงความน่าเชื่อถือต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในอีกหลายคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบุกค้น จับกุมและยึดอาวุธที่บ้านของ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ และลูกสมุนอีก 9 คน ที่ล่าสุด พงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็ออกมาแสดงข้อกังขาในหลายเรื่อง ที่น่าคิดคือโกตี๋ออกจากประเทศไทยไปนานแล้วทำไมเพิ่งจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ในช่วงเวลานี้ ตรงนี้แหละที่คนจำนวนไม่น้อยยังคาใจว่า มันอาจจะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่

Back to top button