รับเหมาฯคึกคัก
ข่าวดีต่อเนื่องสำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวัน 29 มี.ค.60 เห็นชอบโครงการที่จะดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track เพิ่มเดิม จำนวน 6 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาท
เส้นทางนักลงทุน
ข่าวดีต่อเนื่องสำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวัน 29 มี.ค.60 เห็นชอบโครงการที่จะดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track เพิ่มเดิม จำนวน 6 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาท
สำหรับโครงการมีดังนี้ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – วงแหวนกาญจนาภิเษก (รฟม.) มูลค่าโครงการ 131,172 ล้านบาท
2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตกและช่วงตะวันออก (รฟม.) มูลค่าโครงการ 195,642 ล้านบาท
3.โครงการรถไฟฟ้าสายภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต – ห้าแยกฉลอง (สนข.) มูลค่าโครงการ 39,406 ล้านบาท
4.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม – ชะอำ (ทล.) มูลค่าโครงการ 80,060 ล้านบาท
5.โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ – ระยอง (รฟท.) มูลค่าโครงการ 152,488 ล้านบาท
6.โครงการรถไฟฟ้าสายเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ถึงกรอบวงเงินลงทุนที่ชัดเจน
ขั้นตอนต่อไป คือเป็นการยื่นประมูลงานหรือที่เรียกกันแบบชาวบ้านว่าการประกวดราคา ซึ่งเชื่อว่าคงให้กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นซองประมูลอีกไม่ช้า
ส่วนบริษัทที่ก้าวลงสนามต่อสู้บนสังเวียนการประมูลดังกล่าวคงจะหนีไม่พ้นรายใหญ่ อย่าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC, บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือITD แต่ท้ายสุดก็จะมีผู้ชนะเพียงบริษัทเดียวของแต่ละโครงการ
ในระหว่างที่รอผู้ชนะการประมูลในแต่ละโครงการที่ชัดเจนนั้น เชื่อว่าระหว่างทางแต่ละบริษัทมีการกระดี๊กระด๊า แบบปลากระดี่ได้น้ำอย่างแน่นอน เพราะแต่ละบริษัทจะมีการเก็งว่าตัวจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของแต่ละตัวปรับตัวขึ้นคึกคักอีกครั้ง
นอกจากนี้ ทางด้านราคาหุ้นของแต่ละตัวยังมีแก๊ปให้เล่นพอสมควร เปรียบเทียบจากราคาเป้าหมายของโบรกฯ ที่คำนวณมา
อย่างหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ทาง บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35 บาท เนื่องจากนอกเหนือจากงานประมูลภาครัฐที่จะทยอยออกมาตลอดทั้งปีแล้ว CK ยังมีลุ้นรับงานใหญ่จากบริษัทในเครือทั้ง BEM และ CKP ช่วยหนุนธุรกิจก่อสร้างให้เติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลที่สม่ำเสมอจากบริษัทลูก เป็นอีกจุดเด่นสำคัญ ที่ทำให้ CK มีเสถียรภาพของกำไรมากกว่าบริษัทอื่นๆ
ต่อมา บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ทาง บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะรายงานการเติบโตด้านกำไรปกติที่แข็งในระดับ 25.3% ในช่วงปี 2560 และ 50% ในปี 2561 และเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง 11.4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนความกังวลต่อการล่าช้าของโครงการรถไฟทางคู่ไปแล้ว ขณะที่เริ่มมีความชัดเจนขึ้นในแง่ของโครงการใหม่ ซึ่งมองโอกาสในการเข้าซื้อที่ดี
ขณะที่ยังคงคาดว่าการลงทุนของโครงการภาครัฐไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนล่าสุดของบริษัทในโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ก็จะเป็นกันชนต่อกำไรในระยะกลางได้
ส่วน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ทาง บล. ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตหนุนด้วยงานในมือและโครงการที่มีศักยภาพ และราคาหุ้นที่ถูก
ขณะที่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือITD ทาง บล. ทิสโก้ แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท แม้จะเชื่อว่าแนวโน้มของทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมในปี60 จะเป็นบวกเนื่องจากคาดหวังว่าจะมีงานภาครัฐเปิดประมูลต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังต่ำนั่นเอง
ทางด้านข้อมูลราคาเป้าหมายเป็นการหยิบยกมาให้นักลงทุนทราบ เพื่อได้เตรียมความพร้อมก่อนบริษัทเหล่านี้ยื่นซองประมูลงาน เพราะเชื่อว่าจะมีการเล่นราคากันก่อน อย่างบริษัทที่ต้องการประมูลงานต้องเตรียมความพร้อมเช่นกันเพื่อให้ได้ชนะการประมูล เพื่อจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคต
ดังนั้น หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะกลับมาคึกคัก!!