พาราสาวะถีอรชุน

วันนี้ผู้คนมนุษย์เงินเดือนที่อยู่บ้านนอกคอกนาจะพากันแห่กลับบ้านไปเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานตามวิถีแบบไทย ในขณะที่ท่านผู้นำชี้ช่องว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดีให้ท่องเที่ยวกันด้วยความประหยัด ไม่ถึงกับอัตคัดแต่ก็คงต้องใช้กันอย่างจำกัดจำเขี่ย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ขายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี


วันนี้ผู้คนมนุษย์เงินเดือนที่อยู่บ้านนอกคอกนาจะพากันแห่กลับบ้านไปเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานตามวิถีแบบไทย ในขณะที่ท่านผู้นำชี้ช่องว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดีให้ท่องเที่ยวกันด้วยความประหยัด ไม่ถึงกับอัตคัดแต่ก็คงต้องใช้กันอย่างจำกัดจำเขี่ย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ขายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี

แต่คงผิดกับมหาเศรษฐีเงินถุงเงินถังที่จะพากันตีตั๋วหนีการเปียกน้ำไปกระหน่ำช้อปปิ้งกันกระจายยังต่างประเทศ โชคดีของสายการบินที่ให้บริการแบบเหมาลำไปญี่ปุ่น หลังจากเจแค็บอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้ ไม่เช่นนั้น มีหวังซี้แหงแก๋กันเป็นแถว คงอิจฉาคนมีตังค์เขาไม่ได้ เพราะไม่ว่าสถานะของประเทศจะเป็นอย่างไร คนเหล่านั้นไม่เคยอินังขังขอบอะไรอยู่แล้ว

ส่วนผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเทศกาลไหน ยิ่งในฐานะปกครองจากอำนาจพิเศษด้วยแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องระแวดระวังกันเป็นอย่างมาก แต่แทนที่จะเทน้ำหนักไปในการเฝ้าระวังอุบัติเหตุอุบัติภัยรวมไปถึงการก่อเหตุร้ายในช่วงดังกล่าว ฝ่ายความมั่นคงกลับให้ความสนใจและไล่บี้อย่างเอาเป็นเอาตายในการเตรียมจัดงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แนวร่วมคนเสื้อแดงเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมื่อ 10 เมษายน 2553

จากเดิมที่กลัวว่าจะมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงเพราะมีแกนนำนปช.ไปร่วม รวมทั้งพื้นที่จัดงานเป็นเชิงสัญลักษณ์ ฝ่ายผู้จัดงานก็ยอมถอยไม่จัดที่วัดในกรุงเทพฯ หันไปจัดงานกันที่วัดเกิดการอุดม ย่านคลองสามปทุมธานี พร้อมการยืนยันจาก จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.จะไม่มีแกนนำเข้าร่วม เพราะไม่อยากให้งานล่ม

ปรากฏว่า วันวานทั้งทหารและตำรวจได้บุกไปตรึงกำลังยังวัดดังว่า พร้อมยกคำสั่งคสช.ห้ามจัดงานเด็ดขาด เป็นอันว่าจะต้องบี้ให้สยบยอมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้ได้ คงไม่มีทางเลือกอื่น แต่ก็มีข่าวเล็ดลอดมาว่า ทางกลุ่มญาติวีรชนที่เตรียมจะจัดงาน จะไปจัดกันที่วัดสามัคคีธรรม ซอยลาดพร้าว 64 แทน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำบุญกันสมใจหรือเปล่า

ในคราวเดียวกันตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมาสถานีโทรทัศน์พีซ ทีวี ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารของแกนนำนปช.กับคนเสื้อแดงก็พักการออกอากาศชั่วคราวเป็นเวลา 7 วันตามคำสั่งของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. โดยมีข่าวแว่วมาว่า กว่าหนังสือสั่งพักใบอนุญาตจะเดินทางมาถึงก็เกิดปัญหาอยู่ไม่น้อย

โดยฝ่ายถูกปิดเตรียมพร้อมเต็มที่ แต่ฝ่ายสั่งปิดยังไม่พร้อม เพราะคณะอนุกรรมาธิการที่มีมติเซ็นรับรองมติเรียบร้อย แต่โยนลูกไปให้ฝ่ายกฎหมายช่วยหาเหตุผลรองรับด้วยว่าสั่งพักใบอนุญาตเพราะเหตุใด ต้องเข้าใจคนทำงาน เนื่องจากฟังจากข่าวการสอบสวนก่อนลงมติไม่ได้พิจารณาเรื่องเนื้อหาที่ยกมาอ้าง แต่มีการตั้งธงไว้เรียบร้อยแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปมที่ว่าด้วย สถานีไม่มีรายการที่เป็นการแสดงความเห็นของสองฝ่าย ถ้าใช้บรรทัดฐานเช่นนี้ คงต้องฝากท่านผู้มีอำนาจในกสทช.รวมไปถึงทีมงานมอนิเตอร์ของคสช. ช่วยอธิบายกับสังคมด้วยว่า แล้วสถานีโทรทัศน์อีกฝั่ง ขออนุญาตที่จะไม่เอ่ยนามเพราะรู้กันอยู่แล้ว มีการนำเสนอรายการที่เปิดกว้างรับฟังความเห็นอีกด้านอย่างนั้นหรือ

นี่คือตัวอย่างของบรรทัดฐานเรื่องความยุติธรรม ซึ่งทางฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงตอกย้ำมาโดยตลอด แค่การตรวจสอบและสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ของกลุ่มการเมืองก็มีการเลือกปฏิบัติแล้ว เช่นนี้ เรื่องอื่นๆ ที่อ้างว่าจะมีการปฏิรูป จะไม่ให้มองว่าเป็นเรื่องของการปฏิรวบ รวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพื่อประโยชน์ของคนอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว อย่างนั้นหรือ

หลังสงกรานต์งานใหญ่ที่ว่าด้วยการปฏิรูปคือ การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เดิมทีตั้งท่าว่าจะดุเด็ดเผ็ดมัน แต่หลังจากเห็นการสัมมนาร่วมกันวันวาน ทุกอย่างน่าจะเดินไปในทิศทางถ้อยทีถ้อยอาศัย อะไรที่มันไม่ธรรมชาติย่อมปิดไม่มิด คนที่ได้ชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดมาจากปลายกระบอกปืนด้วยกันแล้ว จะมาขัดแย้งกันไปเพื่ออะไร

ทั้งหมดก็เพียงแค่แอ็คชั่น ทำท่าว่าจะดราม่าแต่เอาเข้าจริงก็เป็นแค่จำอวดหน้าม่าน เป็นการปาหี่ให้ดูเหมือนว่ามีความขัดแย้งกันเกิดขึ้นระหว่างคนยกร่างรัฐธรรมนูญกับฝ่ายที่จะต้องยกมือเห็นชอบ แต่ถ้าจะหาเหตุที่ทำให้อุ่นใจได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ขี้เหร่ คงเป็นการสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย

ที่บอกว่า รัฐธรรมนูญเมื่อคลอดออกมาแล้วจะต้องเป็นที่ยอมรับของคนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เหตุที่ผู้มีอำนาจเด็ดขาดแสดงความเห็นเช่นนั้น คงเป็นเพราะได้ไปสัมผัสกับผู้นำจากหลายประเทศ จนพบสัจธรรมที่ว่า แม้จะแก้ปัญหาในประเทศได้แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของต่างชาติก็ลำบาก นี่ไงคือบทพิสูจน์ความจริงที่ว่า อย่าคิดว่าเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบไทยๆ แล้วทุกอย่างจะจบ

ส่วนอีกเรื่องซึ่งจบไปแล้ว (เป็นบางมหาวิทยาลัย) คือ มหาวิทยาลัยนอกระบบ ที่พบมีการเคลื่อนไหวของนักศึกษาหลายสถาบันไม่เห็นด้วยในการผลักดันเรื่องนี้ แต่คงไม่มีเวลาไหนที่อธิการบดีจะสามารถจัดการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ เพราะบางรายมีอำนาจจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร จึงต้องใช้สิ่งที่ได้มาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ข้อความต่อต้านที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นล่าสุด น่าจะเป็นการอธิบายอะไรได้หลายๆ อย่างกับประโยคที่ว่า  บริษัท ม.ขอนแก่น จำกัด มหาอธิ (เผด็จ) การ ความจริงภาพสะท้อนพฤติกรรมของผู้นำสถาบันอุดมศึกษาเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี คงเป็นมติของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยหลายๆ ครั้ง ที่ยืนยันว่าชื่นชอบอำนาจเผด็จการมากกว่ารัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย นี่แหละความจริงประเทศไทย

จบเทศกาลสงกรานต์คนเมืองหลวงนอกจากจะต้องกลับมาผจญกับรถติดแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องลุ้นกันคือ จะมีฝนตกหนักลงมาอีกหรือไม่ มองไปยัง “ชายหมู อยู่ดอย” คงหวังพึ่งพิงอะไรไม่ได้ ขนาดคนพรรคเดียวกันยังส่ายหน้าเป็นแถว ถ้าเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. วันนี้พรุ่งนี้ ทุกอย่างจอดไม่ต้องแจว แต่เมื่อไม่ใช่ ก็อ่านใจคนกรุงเทพฯ ได้ยากเหมือนกัน เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นเรื่องของการตามกระแส ไม่มีหลักการ อุดมการณ์อะไรทั้งนั้น

 

Back to top button