คิดต่างแบบไทยๆขี่พายุ ทะลุฟ้า

คนไทยเรา มีมาตรฐานความพึงพอใจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ความวิเศษสุดยอดยังอยู่ที่การเอาตัวรอดได้จากทุกเหตุการณ์


คนไทยเรา มีมาตรฐานความพึงพอใจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ความวิเศษสุดยอดยังอยู่ที่การเอาตัวรอดได้จากทุกเหตุการณ์

เมื่อทำอะไรเชยๆ เปิ่นๆ ยังอ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้ว่า คิดและทำแบบไทยๆ ไม่ต้องไปลอกเลียนแบบใคร

มันถึงได้ล้าหลังดักดานอยู่อย่างนี้ และสามารถจะก่อปัญหาเสื่อมเสียใหญ่โตได้ เหมือนเช่นเรื่องการบินพลเรือนระหว่างประเทศให้คะแนนกรมการบินพลเรือนของไทย “สอบตก” ไง

ตอนประกาศผลคะแนนช่วงกลางเดือนก.พ.ออกมา ยังเคยได้ยินอธิบดีกรมการบินพลเรือนคนเนี้ย ให้สัมภาษณ์เจื้อยแจ้วอยู่เลยว่า ไม่มีผลบังคับใช้อะไร ไม่มีอะไรน่ากลัว เราค่อยๆ แก้ไขข้อบกพร่องของเราในภายหลังได้

แต่ที่ไหนได้ล่ะ บริหารงานด้วยความชะล่าใจซะอย่างนี้ จะทำลายอุตสาหกรรมการบิน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศแล้วไหมล่ะ

ปล่อยปละละเลยกันมาได้ยังไง กรมการบินพลเรือนไทยมีเจ้าหน้าที่คอยให้ใบอนุญาตการบินตั้งหลายสายการบินเพียงแค่ 12 คนเท่านั้น

เท่าที่มีปฏิกิริยาลงโทษไปแล้วก็คือญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ ถึงแม้ภายหลังจะมีรายการเกี้ยเซียะกันได้ แต่ธุรกิจท่องเที่ยวก็เสียหายไปแล้วส่วนหนึ่ง และยังมีคำเตือนคาดโทษให้แก้ไขปรับปรุงให้เสร็จภายใน 2 เดือน

วิธีคิดของหน่วยงานราชการ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว ก็ยังคิดแบบไทยๆ ที่มองอะไรมักง่ายเข้าไปอีก

คิดว่าจะไปล็อบบี้นานาชาติให้เข้าใจ เห็นใจ และผ่อนปรนให้แก่ประเทศไทยได้!

คิดจะไปล็อบบี้ญี่ปุ่น เกาหลี จีนเอย ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ ดีไม่คิดจะไปล็อบบี้อเมริกาให้โดนแพ่นกบาลกลับมาด้วย

ปัญหาออกใหญ่โตอย่างนี้ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายด้านความปลอดภัย มันล็อบบี้ให้หยวนๆ กันไปได้ด้วยหรือ

อย่างเกาหลีใต้อย่างเนี่ย  เมื่อมีคำเตือนด้านความปลอดภัยจากองค์กรระหว่างประเทศมาแล้ว เขาก็ต้องนำมาปฏิบัติจัดทำเป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตามคำเตือนโดยเคร่งครัด

หากไม่มีคำสั่งห้ามสายการบินที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย รัฐบาลเขานั่นแหละ จะกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง

ยิ่งหากเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ เช่น เครื่องบินตก หรือเกิดอุบัติเหตุใดๆ ขึ้นมา รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบความเสียหายทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มันไม่คุ้มกันเลย กับความใจง่ายให้กับสายการบินรับอนุญาตจากประเทศที่ไร้มาตรฐานการควบคุมกำกับดูแล

นี่คือวิธีคิดที่แตกต่างกันจริงๆ ระหว่างคิดแบบไทยๆ กับคิดแบบสากลนิยม ที่นับวันกฎเกณฑ์กติกาจะเป็นสากลนิยมมากขึ้นทุกที

เหลือพื้นที่สำหรับแนวคิด “ไม่เป็นไร” พร่ำเพรื่อ และแนวคิด “แบบไทยๆ”เวลาหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้น้อยลงไปทุกทีแล้ว

เอะอะอะไร ก็อ้างความเป็นคนไทย ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย และคิดทำอะไรแบบไทยๆ โดยไม่ลืมหูลืมตาดูกฎกติกาสากลไปหมด

มันถึงจะกลายเป็น ”คนหลังเขา” ไปทุกทีไง!

เผด็จการชัดๆ ก็ยังเรียกประชาธิปไตยแบบไทยๆ กันได้ เชื่อเขาเลย

Back to top button