ทฤษฎีเกมอ่อนหัดของทรัมป์

วันแรกของการพบปะทางการแบบสุดยอดครั้งแรกสัปดาห์ที่ผ่านมาของผู้นำสูงสุดของสหรัฐและจีน โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้กองทัพเรือนอกชายฝั่ง ยิงขีปนาวุธโตมาฮอว์ก ปูพรมถล่มฐานทัพอากาศสำคัญของซีเรีย เสียหายยับ


พลวัต ปี 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

 

วันแรกของการพบปะทางการแบบสุดยอดครั้งแรกสัปดาห์ที่ผ่านมาของผู้นำสูงสุดของสหรัฐและจีน โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้กองทัพเรือนอกชายฝั่ง ยิงขีปนาวุธโตมาฮอว์ก ปูพรมถล่มฐานทัพอากาศสำคัญของซีเรีย เสียหายยับ

ท่าทีดังกล่าว ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาหาเสียง ที่ทรัมป์และพวกอ่อยเหยื่อทำท่าเอียงข้างรัสเซียมากเป็นพิเศษ แต่การถล่มซีเรียครั้งล่าสุดนี้ ตอกย้ำว่าเป้าหมายโจมตี คือ รัสเซียที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาดนั่นเอง

ในทางกลับกัน การเจรจาเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้งบางประการระหว่างสหรัฐ กลับปรากฏว่า จบลงเมื่อการหารือผ่านพ้นวาระทั้งหมด 18 ชั่วโมง โดยไม่มีข้อสรุปอะไรเกิดขึ้นแม้แต่ข้อเดียว นับแต่เรื่องที่ทุกคนรอคอย คือ สงครามการค้าที่คุกรุ่น จนถึงกรณีของเกาหลีเหนือ

ดีลทางด้านการลงทุน และหรือ ดีลเรื่องจีนสร้างฐานที่มั่นในทะเลจีนใต้ ก็ไม่มีรายละเอียดหรือความคืบหน้าใดๆ

คำพูดหรือถ้อยแถลงของโฆษกทำเนียบขาวแค่ว่า จะมีการทำแผนเพื่อกลับมาเจรจาใหม่ใน 100 วัน ไม่ถือเป็นข่าวดีแน่นอน

ในระยะสั้น การเจรจา “เพื่อเจรจาต่อ รอบต่อไป” โดยพฤตินัย กลับเป็นข่าวร้ายสำหรับสหรัฐ และข่าวดีสำหรับจีน อย่างน้อยสุดจีนก็ถือว่าไม่เพลี่ยงพล้ำเสียหายอะไร เพราะแทนที่จะถูกทรัมป์และพวกรุกไล่ กลับปรากฏว่าไม่มีแรงกดดันจริงจัง

งานนี้ถือเป็นผลงานที่สี จิ้นผิง สามารถนำไปอ้างอิงได้อย่างดี ว่ามีฝีมือการเจรจายังดีเยี่ยม

ท่าทีของสหรัฐต่อจีนดังกล่าว ผ่อนปรนอย่างชัดเจน ใช้ข้อมูลมากกว่าหลักคิดและความรู้สึกล้วนๆ

ในมุมกลับกัน ท่าทีดังกล่าวถูกหักกลบด้วยการที่ทรัมป์มีคำสั่งให้กองทัพเรือในแปซิฟิก เคลื่อนพลเข้าไปประจำการเพิ่มเติมในคาบสมุทรเกาหลี เพื่อปรามเกาหลีเหนือในการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งต่อไป

การคว้าน้ำเหลวของทรัมป์ต่อผู้นำจีน จะทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เศรษฐศาสตร์สงคราม ที่ทรัมป์กระทำต่อรัสเซียในซีเรีย จะนำไปสู่ข้อได้เปรียบอะไรบ้าง หรือจะคว้าน้ำเหลวต่อไป

นักการเมืองจากพรรครีพับลิกัน มักจะเลือกเอานโยบาย “สร้างสงครามเล็ก” มาเป็นเครื่องมือในการสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง เสมือนหนึ่งกำลังทำสงคราม เพื่อหาทางใช้งบประมาณทางทหาร ซึ่งจะกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐต่อเนื่อง ในขณะที่เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างสังคมที่มีพลวัตสูง ต่างจากความเอื่อยเฉื่อยในช่วงสันติภาพ ที่โครงสร้างสังคมจะมีเสถียรภาพและไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

ภายใต้สถานการณ์ “สงครามประดิษฐ์” เคยมีนักเศรษฐศาสตร์ทำการศึกษาและพบว่า ระดับความเสี่ยงในการลงทุนสูงและอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามความเข้มข้นของสงคราม อัตราเงินเฟ้อสูงและอาจจะควบคุมไม่ค่อยได้ในภาวะสงคราม แต่มีจุดเด่นมากคือ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกับสถานการณ์ “สงครามย่อย” ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม จะมีอัตราการขยายตัวของจีดีพี และอัตราการเกิดเพื่อวัดเสถียรภาพของสังคม (stability of society)

ที่น่าสนใจคือ ในมุมหนึ่งของสงคราม มีบางบริษัทหรือบางอุตสาหกรรมสามารถฉกฉวยโอกาสทำกำไรสูงเกินระดับปกติ จากอภิสิทธิ์หรือข้อยกเว้นที่เกิดขึ้นโดยข้ออ้างของการทำสงคราม

กำไรเกินปกติของบางบริษัท มาจากสายสัมพันธ์ หรือการติดสินบนเพื่อให้นักการเมืองหรือนักการทหารตัดสินใจสนับสนุนการทำสงคราม วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ วิธีหนึ่งที่มักใช้ข้ออ้าง “พิเศษ” ในการสร้างความชอบธรรมแลกอภิสิทธิ์ดังกล่าวคือ การนำธุรกิจหรือกิจการเหล่านี้มาเป็นของรัฐเสีย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการแสวงกำไรจากการทำสงคราม

เหตุผลดังกล่าว ละม้ายคล้ายเหตุผลของตัวละครอย่าง นางคูร์ราจ ในละครชื่อดังของแบร์โธลด์ท เบรคท์ Mother Courage and Her Children นั่นเอง

ในกรณีของซีเรีย ข้ออ้างว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีทำลายฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่ข้อหาใหม่ และยังไม่เคยมีการพิสูจน์ ทำให้ความสมเหตุสมผลของการยิงโตมาฮอว์กใส่ฐานทัพซีเรียนั้น เป็นเครื่องหมายคำถามว่าเจตนาและผลลัพธ์จะไปได้ดีแค่ไหน

เช่นเดียวกันกับกรณีเกาหลีเหนือ คนที่เกี่ยวข้องรู้ดีว่า เป็นเพียงปาหี่ทางการเมืองระดับโลกตามปกติเท่านั้นเอง

การขยับตัวทำท่าแสดงแสนยานุภาพทางทหารของทรัมป์ในทั้งกรณีซีเรีย และเกาหลีเหนือ ทำให้เกิดคำถามเก่าแก่ว่าทฤษืฎีเกมของเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการจัดการความขัดแย้งในทางบวกนั้น ผู้นำสหรัฐอย่างทรัมป์ มีความช่ำชองและมียุทธศาสตร์ที่ครบครันเพียงใด 

นักสังเกตการณ์ทางด้านยุทธศาสตร์ทางทหารของสหรัฐ ระบุว่า ในอดีตที่ผ่านมา ฝ่ายเสนาธิการของเพนตากอน มักจะใช้ทฤษฎีเกม เป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญ เพื่อการเจรจาต่อรองอย่างมีประสิทธิภาพและถ้าจะให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดคู่เจรจาต่อรองจะต้องต่างฝ่ายต่างมีข้อมูลและมีการเตรียมการอย่างดีในรูป “รู้เขารู้เรา” 

กุญแจสำคัญในการใช้ทฤษฎีเกม อยู่ที่การกำหนด ความสำคัญระดับสูง-กลาง-ต่ำ (H.M.L.) ของตัวเราเองและ H.M.L. ของคู่ขัดแย้งอีกฝ่าย เพื่อเป็นพื้นฐานนำไปสู่การเจรจาเพื่อหาข้อยุติอยู่บนพื้นฐานซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

หัวใจของความสำเร็จในการใช้ทฤษฎีเกม จึงอยู่ที่การตระหนักถึง ข้อจำกัดในการเจรจาหรือขอบเขตเจรจา อาจจะหมายถึง ข้อจำกัดในเรื่องของอำนาจ หรือเงื่อนไข ที่จะทำให้การเจรจาต่อรอง ไม่สามารถประสบความสำเร็จ เนื่องจากเกินขีดที่เรียกว่า “ต้นทุน” ของทั้งสองฝ่าย

ทั้งกรณีของซีเรีย เกาหลีเหนือ และจีน ถือว่า ทรัมป์ทำได้คะแนนต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าข่าย “เสียของ” มากกว่า

ด้วยข้อสรุปข้างต้น นักเก็งกำไรค่าเงินระหว่างประเทศจึงสรุปฟันธงว่า สัปดาห์นี้ ค่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงไปอีก

Back to top button