AMATA ทิศทางสดใสปีนี้ตั้งรีทส์-อมตะวีเอ็น
คาดว่าในปี 2558 จะเริ่มสร้างระบบสาธารณูปโภคที่นิคมอุตสาหกรรม ลันถั่น ซิตี้ ที่เวียดนาม ซึ่งคาดว่ารายได้จากส่วนนี้จะเติบโตประมาณ 15-18%
“สตีเว่น ซิว” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA กล่าวว่า กลยุทธ์ในการทำงานของ AMATA ในปี 2558 ไม่ใช่เพียงจะเดินหน้าเพื่อพัฒนาที่ดินแล้วขายอย่างเดียว บริษัทจะต้องมีการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า เมื่อเข้ามาลงทุนกับบริษัทแล้วจะดีอย่างไร ซึ่งบริษัทจะมีบริการเสริมให้กับลูกค้าด้านต่าง ๆ เช่น ระบบสาธารณูปโภคจะต้องดูแลให้บริการอย่างทั่วถึง
ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาระบบนี้ไปมาก และคาดว่าในปี 2558จะเริ่มสร้างระบบสาธารณูปโภคที่นิคมอุตสาหกรรม ลันถั่น ซิตี้ ที่เวียดนาม ซึ่งคาดว่ารายได้จากส่วนนี้จะเติบโตประมาณ 15-18% นอกจากนี้ก็ยังได้ใช้เงินทุนเพื่อการลงทุนขยายที่ดินเพิ่มเติมเพื่อไว้รองรับลูกค้าจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าจากญี่ปุ่นและจีนให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะบ้างแล้วในปี 2558
โดยบริษัทมีการตั้งเป้ายอดขายที่ดินภายในปี 2558มากกว่า 1,000 ไร่ จากปี 2557 มียอดขายจำนวน 371ไร่ ซึ่งจะเป็นในส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร อมตะซิตี้ นิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนามทั้ง 2 แห่ง โดยช่วงเดือนมกราคม 2558 มีลูกค้าจากจีนและญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่อมตะซิตี้
แต่ในขณะเดียวกันนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลต่อนโยบายทางภาครัฐที่ได้มีการปรับรูปแบบของการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ประเมินว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป จะเริ่มมีความชัดเจนจากนักลงทุนต่างชาติว่าจะเข้ามาลงทุนหรือไม่ ซึ่งลูกค้าเดิมจากจีนที่กำลังคุยอยู่ 400-500 ไร่ก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อที่ดิน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน “อมตะ คอร์ปอเรชัน” ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม โดยมีนโยบายที่จะพัฒนาที่ดินพร้อมระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น และจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรม ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีโครงการที่ดำเนินงานในเขตอำเภอเมือง และอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันบริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ 4 แห่งได้แก่ อมตะนคร จังหวัดชลบุรี อมตะซิตี้ จังหวัดระยอง อมตะซิตี้ (เบียนหัว)จังหวัดดองไน ประเทศเวียดนาม ล่าสุดอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ อมตะ ซิตี้ ลันถัน มีพื้นที่จำนวน 8,031 ไร่
สำหรับโครงการ อมตะ ซิตี้ ลันถั่น จะแบ่งเป็น โซนที่ 1 สวนอุตสาหกรรมไฮเทค คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2558 ส่วนโซนที่ 2 เซอร์วิส ทาวน์ชิป เน้นก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคครบวงจร รวมทั้งอาคารที่พักอาศัย โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา เพื่อรองรับการให้บริการแก่ประชาชนที่เข้ามาสู่เมืองอุตสาหกรรม
“สตีเว่น ซิว” กล่าวว่า เมื่อเดินทางไปแสดงข้อมูลต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งนักลงทุนเดินทางมายังประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมีคำถามว่านโยบายการทำงานของรัฐบาลนี้ถือว่าจะยั่งยืนมากแค่ไหน เสถียรภาพทางการเมืองจะมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นคำถามที่เวลาเจอลูกค้าชาวต่างชาติ แล้วจะสอบถามแบบนี้ตลอด ซึ่งมองว่านโยบายของภาครัฐจะคงเป็นอุปสรรคในการทำงานที่บริษีทยังมีความกังลว ซึ่งจะส่งผลกระทบให้นักลงทุนต่างชาติยังมีความไม่แน่ในที่จะลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมทางด้านแหล่งเงินทุนในหลายด้าน ซึ่งจะมาจากการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts :REIT) มูลค่ากอง 4,700-5,000 ล้านบาท จะสามารถเสนอขายได้เดือนพฤษภาคม 2558 โดยเงินทุนที่ได้มาจะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรม
โดยอีกส่วนจะมาจากการนำหุ้นบริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAVN จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2558 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินสดเข้ามาในระบบ บริษัทวางงบลงทุนในปี 2558จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยจะใช้ซื้อที่ดินทั้งในไทยจำนวน 75% และเวียดนาม 25% รวมเป็น 3,800 ล้านบาท และอีก 700 ล้านบาทจะลงทุนในระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติมที่นิคมฯในไทย และเริ่มการลงทุนระบบน้ำที่ใช้ในนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวทางที่จะพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืนโดยการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้กับลูกค้าในนิคมฯ และยังมีโครงการ ที่บริษัทได้เข้าไปร่วมทุนจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ในประเทศอิสราเอล โดยประกอบธุรกิจเพื่อสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเมื่อบริษัทสนับสนับสนุนเขามีความสามารถ บริษัทดึงเขามาลงทุนที่ประเทศไทยต่อ ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่นายวิกรมคิดไว้ดีมาก เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคนที่ประเทศอิสราเอล มีความรู้ความสามารถในการทำเทคโนโลยี แต่ว่าอาจจะยังขาดแหล่งเงินทุนผู้สนับสนุน เมื่อบริษัทเข้าไปช่วยเหลือเขา ก็จะทำให้มีการต่อยอดธุรกิจ