ของของใคร..ของใคร..ก็ห่วง!

*ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับทำความเข้าใจ ณ เวลานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดัชนี แนวโน้มของธุรกิจต่างๆ กลยุทธ์ของผู้บริหารค่ายใหญ่ค่ายเล็ก หรือแม้กระทั่งข่าวซุบซิบตามสี่แยกปากปีจอ ล้วนเป็นเรื่องที่แฟนคลับควรใช้วิจารณญาณส่วนตัวแทบทั้งสิ้น จึงขอให้ทุกคนเข้าใจในประเด็นดังกล่าวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเดี๊ยนรักทุกคนเท่ากันเจ้าค่ะ


เจาะกระดานหุ้น : โมนิก้าและทีมงาน

 

*ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับทำความเข้าใจ ณ เวลานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดัชนี แนวโน้มของธุรกิจต่างๆ กลยุทธ์ของผู้บริหารค่ายใหญ่ค่ายเล็ก หรือแม้กระทั่งข่าวซุบซิบตามสี่แยกปากปีจอ ล้วนเป็นเรื่องที่แฟนคลับควรใช้วิจารณญาณส่วนตัวแทบทั้งสิ้น จึงขอให้ทุกคนเข้าใจในประเด็นดังกล่าวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะเดี๊ยนรักทุกคนเท่ากันเจ้าค่ะ

*งานนี้ใครจะว่า “โมนิก้า” เป็นผู้หญิงหลายใจ..อุ๊ย..หลายอารมณ์ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการทำหน้าที่เผือกไปทุกเรื่อง เพราะสิ่งที่เม้าท์ออกมาในแต่ละครั้ง ล้วนเป็นเรื่องของความหวังดีที่มีให้ต่อกัน จึงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น เพราะท้ายที่สุดก็วัดกันที่ผลลัพธ์ออกมาตรงกับสิ่งที่ได้ขีดๆ เขียนๆ ไว้ขนาดไหน? ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนคลับสามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองนะคะ

*เช่นเดียวกับเรื่องของหนุ่มไฟแรง “พิชญ์” ผู้กุมบังเหียนบริษัทดอกมะลิ JAS ท้ายสุดก็ออกมาโชว์ข้อมูลขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นทางการแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า นี่เป็นช็อตที่นักเล่นต้องตามกระแสให้ดีๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยเห็นกันมาแล้วว่า ในช่วงที่หุ้นเด้งรับข่าวแบบสุดซอย เคยขึ้นไปถึง 10 บาทกันเลยทีเดียว ขณะราคาล่าสุดยืนอยู่ที่ 8.90 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 770 ล้านบาทนะจ๊ะ

*อีกหนึ่งรายที่กำลังถูกสังคมโซเชียลโจมตีอย่างหนักหน่วงก็คือ เจ้าสัวเจริญ เพราะดันประกาศทำเทนเดอร์ฯกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯ TRIF THIF และ TCIF ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด จนผู้ทำหน้าที่ประเมินสินทรัพย์ออกความเห็นว่า ผู้ถือหน่วยไม่ควรขายหน่วยลงทุนคืน เพราะเมื่อดูจากมูลค่าสินทรัพย์ที่อยู่ในมือแต่ละแห่ง ล้วนมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีนะจ๊ะ

*ที่สำคัญยังมีการพูดถึงทำเลของสินทรัพย์ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสำคัญๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้ผู้ประเมินสินทรัพย์มองการกระทำของเสี่ยไม่แฟร์เอาเสียเลย รวมทั้งข้ออ้างเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่พยายามพูดชี้นำ ก็เป็นเพียงข้อมูลพื้นๆ ซึ่งไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากสาระสำคัญก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้สังคมฉุกคิดเรื่องนี้กันสักหน่อยว่า งานนี้ใครได้ประโยชน์?..อยากได้เงินก็เข้าตลาดหุ้น อยากรวยคนเดียวเงียบๆ ก็ถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้น..ง่ายๆ แค่คลิ๊กเดียวเปลี่ยนชีวิตใช่ไหมค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอพูดถึงเรื่องร้อนๆ ที่เกี่ยวกับการล่าหุ้นจองกันสักหน่อย เพราะช่วงนี้เริ่มมีการสืบสาวราวเรื่องกันมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในตัวแปรที่ถูกเท้าความอย่างเห็นได้ชัดก็เป็นกรณีของ TPIPP กับ WHAUP ซึ่งเขาว่ากันว่า เป็นชนวนเหตุที่ทำให้แมงเม่ากระเป๋าฉีกไปตามกัน และยังทำให้แมงเม่าอีกหลายรายเกิดอาการเข็ดขยาดกับการจองซื้อหุ้น IPO ขึ้นมาในทันทีแบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นเรื่องของการฝากความหวังไว้กับพวกกองทุนมากเกินไปก็เท่านั้นเองนะคะ

*ผิดกับในรายของ MM พยายามป่าวประกาศให้นักเล่นได้รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า เขาไม่เหมือนกับหุ้นไอพีโอสองตัวแรกข้างต้น แถมคอนเซ็ปต์ในการกลับเข้ามาเทรดในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของการเทิร์นอะราวด์เต็มตัว จึงมีแรงช้อนซื้อเข้ามารับหุ้นตลอดทั้งวัน จนช่วงท้ายตลาดมีการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 5.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 2.11 พันล้านบาท แสดงว่าของเขาดีมั้ง! ถึงล้างอาถรรพ์หุ้นหลุดจองได้สำเร็จไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับกรณีของ BBL กระชากขึ้นมาปิดที่ 187.50 บาท บวกไป 5 บาท  หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.38 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ว่า หุ้นตัวนี้มีดีกว่าที่คิดไว้เยอะ! กองทุนต่างๆ ถึงเข้ามาตะลุมบอนตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนแพทเทิร์นของหุ้นกลายเป็น double top ที่บริเวณ 186 บาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะทะยานขึ้นไปทำแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมนะจ๊ะ

*สิ่งที่เดี๊ยนประหลาดใจสุดๆ คงหนีไม่พ้นหุ้น BDMS โดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง จนทำท่าจะหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 20 บาทอย่างง่ายดาย และดูเหมือนว่า แรงเทขายยังตามลงมากระหน่ำเป็นระลอก ก่อนจะจบลงด้วยการปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 20.30 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่า 670 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของผลงานไม่เข้าตากรรมการเหมือนเมื่อก่อน ทางที่ดีควรกลับเข้ามาเล่นสั้นๆ ในช่วงที่หุ้นดีดตัวดีกว่านะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CPF หากมองแพทเทิร์นของหุ้นอิงกับพื้นฐาน “โมนิก้า” มองว่าหุ้นตัวนี้ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเหมือนเดิมทุกประการ แถมหุ้นเทรดบนค่า P/E 14.75 เท่า มองจากมุมไหนด้านไหน ราคาปิดที่ 27.75 บาท  ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า  700 ล้านบาท ยังเป็นระดับที่ลงทุนได้แบบชิวๆ แถมรอบนี้เป็นการซื้อหุ้นที่ฐานแนวรับพอดี แสดงว่าความเสี่ยงต่ำแล้วล่ะค่ะ

*ส่วนม้านอกสายตาที่ “โมนิก้า” รู้สึกสนใจเป็นพิเศษในรอบนี้กลายเป็น SAMART หลังราคาหุ้นเคลื่อนไหวบนกรอบเส้นแนวรับ 10 วัน และเส้นแนวรับ 25 วันมาเป็นเวลานาน ผนวกกับหุ้นเริ่มกระดกหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 16 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.25% ด้วยมูลค่า 193 ล้านบาท  ชวนให้เชื่อว่า หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 17 บาทในไม่ช้า และหุ้นคงจอดที่ป้ายนั้นเป็นป้ายสุดท้ายพะยะค่ะ

Back to top button