พาราสาวะถี
สวนทางกันสิ้นเชิงและบังเอิญว่าเป็นคนกันเอง หากเป็นคนละพวกคนละฝ่าย เรื่องของน้ำหนักคงดูเบาบาง แต่เมื่อเป็นพวกเดียวกัน จึงเกิดคำถามตามมาว่า แล้วประชาชนคนทั่วไปควรจะเชื่อใครดี ใครกันแน่ที่ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง และสะท้อนภาพปัญหาอันแท้จริงให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อจะได้รับมือกับปัญหาอย่างถูกต้อง
อรชุน
สวนทางกันสิ้นเชิงและบังเอิญว่าเป็นคนกันเอง หากเป็นคนละพวกคนละฝ่าย เรื่องของน้ำหนักคงดูเบาบาง แต่เมื่อเป็นพวกเดียวกัน จึงเกิดคำถามตามมาว่า แล้วประชาชนคนทั่วไปควรจะเชื่อใครดี ใครกันแน่ที่ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง และสะท้อนภาพปัญหาอันแท้จริงให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อจะได้รับมือกับปัญหาอย่างถูกต้อง
วันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ป่าวประกาศถึงบรรยากาศสงกรานต์ปีนี้คึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยยกตัวเลขยอดจองโรงแรมของสมาคมโรงแรมไทยที่บอกว่าสูงกว่าปีก่อน จำนวนเที่ยวบินเช่าเหมาลำและเที่ยวบินพิเศษระหว่างวันที่ 13–17 เมษายนมีมากถึง 28 เที่ยวบิน การปรับเพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศถึง 249 เที่ยวบิน
ทำให้มีเงินหมุนเวียนในช่วงนี้สูงกว่าปีที่แล้วโดยคาดว่ารายได้รวม 5 วันจะอยู่ที่ราว 8,000–16,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 12-14 ไม่เพียงเท่านั้น ยังยกดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยของผู้บริโภคในเดือนมีนาคมมานำเสนอด้วยว่า ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 76.8 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ราคาสินค้าเกษตรก็ปรับตัวดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อจากเกษตรกรมีมากขึ้น การส่งออกมีแนวโน้มสดใสหลังจากผ่านไป 2 ไตรมาส
ในทางตรงข้าม พลเรือเอกพะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ สมาชิกสปท. กลับพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ว่า กระทบประชาชนทุกระดับ ทุกคนรู้ว่าปัญหาเศรษฐกิจแย่แต่รัฐบาลกลับไปเชื่อมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่ มันยิ่งแย่ รัฐบาลต้องใช้ความกล้าหาญในการแก้ไขปรับปรุงทีมเศรษฐกิจ
เวลานี้ประชาชนรู้หมดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ยังอดทนยอมทุกข์ทรมาน ตนเองก็อดทน เพราะเชื่อมั่นตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าทำเพื่อประชาชนด้วยความจริงใจ คิดว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ ขอให้คนไทยอดทนรอ แต่รัฐบาลก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความสุจริต ลงโทษผู้กระทำความผิดในทุกเรื่องที่มีการทำทุจริตทุกคน แล้วประชาชนจะเป็นกำแพงให้รัฐบาล พร้อมจะอดทนทุกอย่าง
แม้จะมองด้วยความเข้าใจ แต่เด็กป๋าก็สะกิดเตือนต่อว่า เวลานี้ทุกคนรู้ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลในการวางคนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประเด็นนี้เท่ากับว่าเป็นการส่งสัญญาณให้บิ๊กตู่เปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจ อาจจะไม่ใช่เฉพาะ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่หมายถึงทั้งทีม เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วข้อมูลที่โฆษกรัฐบาลว่ามานั้น มันสมควรจะเชื่อถือหรือไม่
แต่เชื่อได้เลยว่า มาถึงตรงนี้แล้วไม่มีทางที่หัวหน้าคณะรัฐประหารจะปรับเปลี่ยนตัวบุคคลร่วมรัฐนาวา โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ อันจะเห็นได้จากการปรับครม.รอบที่ผ่านมา แทนที่เด็กในคาถาของเฮียกวงจะถูกถอด แต่กลับมีการสลับโยกย้ายและเติมบางรายเข้ามา นั่นหมายความว่า บิ๊กตู่เชื่อมือ ส่วนผลสุดท้ายปลายทางจะเป็นอย่างไรต้องไปวัดดวงกันเอา
ไหนๆ ก็ว่าด้วยเรื่องคนกันเอง เริ่มออกมาแตะมาเตือนให้ผู้มีอำนาจขยับโน่นขยับนี่แล้ว นี่ก็คงไม่แคล้วจะทำนองเดียวกัน น่าจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างจึงทำให้เราได้ยินเสียงของ 2 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สอดประสานกันจะโดยนัดหรือมิได้นัดหมายก็แล้วแต่ ทว่าเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นก็คือ การกระตุกเตือนบิ๊กตู่และคสช.ขอความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง
ไม่รู้ว่าเห็นสัญญาณการจะลากยาวออกไปเกิดปีหน้าหรือว่ามีสถานการณ์อะไรภายในพรรคเก่าแก่หรือเปล่า แต่เท่าที่ดูภาษาในการสื่อของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ สาธิต ปิตุเตชะ แล้วต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นไปในลักษณะเป็นมิตรหรือญาติดีกับพวกเดียวกันอย่างแน่นอน โดยนิพิฏฐ์เห็นว่า วันนี้พรรคการเมืองไม่สนแล้วว่าจะมีเลือกตั้งวันไหน หากถามเรื่องนี้กับตนก็คงตอบไม่ถูก
เหตุผลที่ตอบไม่ถูก เพราะผู้มีอำนาจสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้โดยไม่ใช้เหตุผล แต่ใช้ความต้องการของตัวเองเป็นหลัก ดังนั้น ตนจะมาตอบโดยใช้เหตุผลไม่ได้ เพราะถ้าใช้เหตุผลตอบจะผิดทันที เป็นการเสียดสีที่ทิ่มแทงใจผู้มีอำนาจไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น ยังค่อนขอดต่อว่า การตอบเรื่องวันเลือกตั้งตอนนี้เหมือนซื้อหวย มันต้องฝันก่อน ถ้าโดนกินงวดนี้ งวดต่อไปก็ต้องไปนอนแล้วค่อยฝันใหม่ ไม่เหมือนกับอยากรู้เวลาน้ำขึ้นน้ำลง หรือพระอาทิตย์ตกที่พอจะใช้วิทยาศาสตร์คาดเดาได้
วันนี้การคาดเดาวันเลือกตั้งเหมือนถูกเจ้ามือทำหวยล็อก พอคนซื้อเลขที่เยอะก็หนีไปออกเลขอื่น จึงไม่มีใครอยากคาดเดา ขณะที่สาธิตก็ทิ่มต่ออีกดอก ความไม่ชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง ถือเป็นปัญหาทั้งภายในและนอกประเทศ โดยเฉพาะการไปพูดกับนานาชาติหลายครั้งยืนยันเรื่องโรดแมป แต่การบ่ายเบี่ยงไม่ชัดเจนและเปลี่ยนไปเรื่อย เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเอง ถ้ารัฐบาลยังไม่แก้พฤติกรรมที่เป็นอยู่จะลำบาก
วันนี้รัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว แต่คนในรัฐบาลยังมีท่าทีที่ไม่ชัดเจน ทำให้ต่างชาติมองว่า มีความต้องการสืบทอดอำนาจและความน่าเชื่อถือจะไม่มี เพราะถือเป็นการพูดแล้วไม่ทำตาม ซึ่งจะกระทบคนในประเทศ ทำให้เกิดเสื่อมและถอยหลัง เพราะคนเห็นแล้วว่าผู้มีอำนาจไม่ได้เข้ามาเพื่อเสียสละให้คนในประเทศอย่างแท้จริง
หากรัฐบาลยังแสดงพฤติกรรมแบบนี้ต่อไป โดยดันทุรังสืบทอดอำนาจไม่กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน จะทำให้เศรษฐกิจแย่ ประชาชนเดือดร้อนทั่วทุกหัวระแหง แต่มีสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะกู้วิกฤติศรัทธาได้ คือจะต้องปรับพฤติกรรมโดยบอกโรดแมปว่าจะเลือกตั้งวันไหน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ต้องไม่บ่ายเบี่ยงเปลี่ยนวันไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่เพียงแค่กระทุ้งเรื่องวันเลือกตั้งเท่านั้น สาธิตยังออกหมัดซัดเข้าไปอีกดอกด้วยว่า นอกจากต้องยืนยันการคืนประชาธิปไตยที่ชัดเจนแล้ว สิ่งที่จะต้องรีบทำคือการปราบทุจริตในองค์กรตัวเองคือทหาร และไม่ต้องไปใช้งบประมาณเพื่อนโยบายประชานิยม เพราะทหารเคยพูดแล้วว่าจะไม่เล่นการเมืองหรือลงเลือกตั้ง ท่วงทำนองของคนกันเองเหล่านี้น่าสนใจว่ามันไม่น่าจะใช่ปาหี่ แต่น่าจะมีอะไรที่เคาะกันแล้วไม่ลงตัวมากกว่า