แง่คิดเช่าที่ดิน 99 ปี
น่าเสียดาย คิดไปแล้วก็ใจหาย เวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ผ่านเลยไปแบบไม่เหลืออะไรที่เห็นประโยชน์เด่นชัดเลย
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
น่าเสียดาย คิดไปแล้วก็ใจหาย เวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ผ่านเลยไปแบบไม่เหลืออะไรที่เห็นประโยชน์เด่นชัดเลย
เราเคยมีแผนจะแก้ปัญหาเรื่อง “น้ำ” แบบครบวงจร แต่วันนี้เราได้เห็นแผนจัดการเรื่องน้ำ มีอะไรที่คืบหน้าและมีรูปธรรมจับต้องได้บ้าง
เรามีพื้นที่รับน้ำเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพื่อรับมือยามหน้าน้ำ จะได้กระจายน้ำไปยังแหล่งกักเก็บต่างๆ และมีปริมาณน้ำกักเก็บเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพื่อรับมือยามหน้าแล้ง จะได้จัดสรรกระจายน้ำเพื่อการบริโภคและเกษตรกรรม
การแก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมมันก็โจทย์เดียวกันแหละ คือการเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ รวมทั้งการขุดลอกหนองบึงธรรมชาติทั้งหลายที่ตื้นเขิน อาทิ บึงบอระเพ็ด บึงสีไฟ กว๊านพะเยา ฯลฯ ให้กลับมารองรับน้ำได้เต็มความจุในแต่ละปี
น่าเสียดาย! 3ปีผ่านไป มีอะไรงอกเงยขึ้นมาบ้าง
แผนโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ยังไม่ต้องไปพูดถึงไฮสปีด เทรน หรือรถไฟความเร็วสูง ที่ต้องรอถนนลูกรังหมดไปก่อนหรอก เอาแค่รถไฟทางคู่ทั่วประเทศที่จะช่วยให้รถไฟไม่ต้องรอสับหลีก…
จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เกิด!
มันของกล้วยๆ จริงๆ นะครับ แค่เคลียร์เขตทาง (ตามแนวเก่า) ถมพื้นที่ วางราง ใช้วิธีสร้างแบบออกแบบไป-สร้างไปหรือที่เรียกว่าดีไซน์-บิลท์ก็ได้แล้ว ไม่เห็นจะสลับซับซ้อนตรงไหน
แต่ 3 ปี กลับผ่านเลยด้วยความว่างเปล่า
แนวบริหารเศรษฐกิจปัจจุบันของรัฐบาล ก็ดูจะเน้นหนักแนวนามธรรม ที่ดูเหมือนจะถอดตำราวิชาการมาเป็นนโยบายเสียเป็นส่วนใหญ่
จึงมักจะมีคำแปลกๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่งผู้พูดเองก็ไม่สู้จะเข้าใจอะไรนัก อาทิเช่น สตาร์ท-อัพ, เศรษฐกิจ 4.0, S-Curve, มี SME แล้วยังไม่พอ ก็ยังมีไมโครไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ และขนาดเล็กลงไปอีกถึงขั้นฟิโก้ ไฟแนนซ์
เศรษฐกิจชายแดนเอย ที่เชิญชวนคนไปลงทุนแล้วเล่า แต่ผลตอบรับก็ยังไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
ระเบียงเศรษฐกิจ EEC นี่ก็เรียกให้โก้ดูเหมือนเป็นนวัตกรรมใหม่เช่นนั้นเอง ซึ่งถ้าเรียกว่าเป็นอีสเทิร์น ซีบอร์ด เฟส 2 ก็คงจะทำความเข้าใจกับคนในชาติได้ดีเสียกว่า
ทำงานขยันขันแข็งน่ะใช่ แต่ถ้าทำไปเรื่อยโดยผิดทิศทาง หรือไปหยิบฉวยเอานโยบายที่เกาไม่ถูกที่คัน มันก็ไม่ใช่ และก็คงไม่สามารถจะสร้างผลงานอะไรขึ้นมาได้
ข้อเสนอ “สิทธิประโยชน์พิเศษ” ที่รัฐบาลเตรียมเสนอแก่นักลงทุนต่างชาติในเขตระเบียงเศรษฐกิจ EEC ก็น่าจะนำมาใคร่ครวญชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียกันให้ดี
-ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 15 ปี จากเดิม 10 ปี, นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในระยะยาวได้, ให้ต่างชาติเช่าที่ดินยาวนานถึง 99 ปี
นอกจากนี้ก็ยังจะให้สิทธิพิเศษการเช่าบ้านและที่ดินแบบลีสโฮลด์ได้ถึง 50 ปี แถมให้สิทธิต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มสูงกว่า 49%
น่าห่วงที่สุดก็คงจะเป็นประเด็น ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี รวมทั้งสิทธิเช่าบ้านและที่ดิน 50 ปี และสิทธิเป็นเจ้าของคอนโดฯ เกินกว่าร้อยละ 49 นี่แหละ
อำนาจซื้อมันไม่เท่ากัน
บ้าน-ที่ดินคนไทยระดับราคา 10 ล้านบาท แต่ต่างชาติมีกำลังซื้อกว่า 1 ล้านเหรียญ หรือในระดับ 30-40 ล้านบาทได้สบาย ฉะนั้นต่อไปคนไทยต้องซื้อบ้าน-ที่ดิน คอนโดฯ แพงขึ้นแน่
มันจะเป็น “เบนช์มาร์คใหม่” ที่นับวันคนไทยจะเข้าถือครองกรรมสิทธิ์บ้าน-ที่ดิน และคอนโดมิเนียมยากเย็นแสนเข็ญเข้าทุกที
อย่าว่าแต่ฝรั่งตาน้ำข้าวจะเข้ามานะ คนเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลย์ สิงคโปร์ และชาติในตะวันออกกลางก็พร้อมจะเข้ามามาซื้อกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยด้วย
เที่ยวนี้ได้พลิกแผ่นดินขายชาติกันได้จริงๆ