เคาะสั้นๆ ไปก่อน!

*วานนี้ดัชนีอุตส่าห์สู้ยิบตาตั้งแต่เปิดการซื้อขาย สุดท้ายทำได้แค่เพียงปิดที่ระดับ 1,566.28 จุด ลบไป 0.91 จุด ด้วยมูลค่า 4.10 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำเตือนว่า อย่าหลงไปเล่นเกมของคนอื่นเป็นอันขาด และควรกำหนดจังหวะเคาะขวาให้ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการไล่ราคาแบบเบาๆ เดี๊ยนถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องรู้จักทำตัวพลิ้วไหวไปตามสายลม เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำไรไงล่ะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*วานนี้ดัชนีอุตส่าห์สู้ยิบตาตั้งแต่เปิดการซื้อขาย สุดท้ายทำได้แค่เพียงปิดที่ระดับ 1,566.28 จุด ลบไป 0.91 จุด ด้วยมูลค่า 4.10 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำเตือนว่า อย่าหลงไปเล่นเกมของคนอื่นเป็นอันขาด และควรกำหนดจังหวะเคาะขวาให้ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการไล่ราคาแบบเบาๆ เดี๊ยนถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องรู้จักทำตัวพลิ้วไหวไปตามสายลม เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำไรไงล่ะจ๊ะ

*เนื่องจากแรงซื้อที่มีเข้ามาแบบครึ่งๆ กลางๆ กลายเป็นตัวบั่นทอนสมาธิของนักเล่นตลอดเวลา ส่งผลให้ดัชนีเหวี่ยงตัวไปมารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แถมหุ้นบางตัวก็โดนถล่มอย่างหนักหน่วง แต่บางตัวก็ถูกดันจนลอย มันเป็นภาพที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาพูดอีกครั้งว่า วันนี้ต้องมองแค่ช็อตสั้นๆ อย่าหวังอะไรที่ไกลเกินตัว เพราะหุ้นดาวเด่นกลายเป็นหุ้นดาวร่วงกันหลายรายนะซี

*ประกอบกับวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ย่อมมีความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้นกว่าปกติ ผู้เล่นจำเป็นต้องรู้จักการเล่นแบบเพลย์เซฟ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพอร์ตตัวเอง เพราะดูเหมือนในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดาแมงเม่าจะร้องโอดโอยกันยกใหญ่ “โมนิก้า” ถึงต้องหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาเม้าท์มอยกันอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นมีอาการตื้อๆ ตันๆ ผิดปกติเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ AOT สวนกระแสขึ้นมาปิดที่ 41.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่า 3 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมระทึกพอสมควรสำหรับเที่ยวนี้ เพราะหุ้นกำลังขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 42 บาทเป็นครั้งที่ 2 หากผ่านไปได้แบบชิวๆ น่าจะมีโอกาสเห็นฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม หากผ่านไปไม่ได้ น่าจะม้วนหางกลับลงไปแถว 39 บาทอีกรอบก็เท่านั้นเองค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC มีแพตเทิร์นการเคลื่อนตัวเป็นภูเขาย่อย 2 ลูกซ้อนกัน ย่อมเป็นจังหวะที่มีการเล่นเก็งกำไรกันสนุกสนาน แต่ถ้ามองเป็นภาพระยะยาวจะเห็นว่า นี่เป็นจังหวะไซด์เวย์ดาวน์ หุ้นเด้งขึ้นมาใกล้ยอดเดิมเมื่อไหร่ ต้องรีบเทขายหุ้นทำกำไรในทันที “โมนิก้า” ถึงมองการเล่นเที่ยวนี้ไม่น่าจะยาวสักเท่าไหร่ ยิ่งเห็นหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 176 บาท สุดท้ายจบลงที่ 173.50 บาท บวกไป 1.50 บาท ยิ่งต้องระวังมากขึ้นนะจ๊ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวัง “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาดู TPIPP หลังพุ่งขึ้นมาปิดที่ 6.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่า 810 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ขัดอารมณ์คนอยู่วงนอกเสียจริงๆ เพราะของมันเห็นกันทนโท่อยู่ว่า การขึ้นเที่ยวนี้ไม่น่าจะยาวสักเท่าไหร่ แต่ดันมีแมงเม่าบินเข้ากองไฟให้เห็นตลอดเวลาแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของความชอบล้วนๆ จึงไม่ขอคอมเมนต์อะไรมากมายค่ะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ GL โดนสาดหุ้นอย่างหนักตลอดทั้งวัน แต่ยังมีคนเข้ารับหุ้นตลอดเวลาเช่นกัน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ไม่มีอะไรต้องคิดมากมายก่ายกอง ขนาดเห็นกันอยู่แล้วว่า สีเทาเป็นอย่างไร ก็ยังกล้าลุยไฟกันสุดตัว จึงไม่แปลกใจที่วานนี้โดนทุบลงมากองอยู่ที่ 20.60 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่า 830 ล้านบาท เพราะเป็นการเขย่าเอาของก่อนหลุดแคสบาลานซ์ งานนี้สงสัยแมงเม่าเจ็บตัวอีกแล้วแน่ๆ เจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ KWG พอโดนตลาดหลักทรัพย์ฯ จับติดแคสบาลานซ์ ก็ถูกถล่มเทขายลงมาอย่างหนัก จนหุ้นลงมายืนปิดที่ 4.78 บาท ลบไป 1.22 บาท หรือลงไป 20% ด้วยมูลค่า 220 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นไฮโลโปปั่นที่มีให้เป็นเป็นระยะ ซึ่งจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนหุ้นที่เล่นกันไปเรื่อยๆ เดี๊ยนถึงมองการอ่อนตัวเที่ยวนี้น่าจะใกล้จบรอบแล้วล่ะค่ะ

*ส่วนที่จบรอบแน่นอนต้องยกให้ KOOL ถูกเทขายวันแล้ววันเล่า จนวานนี้รูดลงมาปิดที่ 4.86 บาท ลบไป 0.64 บาท หรือลงไป 11.60% ด้วยมูลค่า 215 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของผลงานไม่เข้าตากรรมการ บวกกับไม่มีสตอรี่ใหม่ๆ เข้ามาบิ้วด์อารมณ์นักเล่น ส่งผลให้หุ้นตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ยิ่งหุ้นปิดที่ราคาต่ำสุดของวัน ยิ่งไม่ค่อยสู้ดีมากขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ETE ออกอาการหมดแรง ไปต่อไม่ไหวตั้งแต่หัววัน ทั้งที่ตามตำราหุ้นที่ร่ำเรียนมาบอกไว้ว่า หุ้นน่าจะไปต่อได้! พอเอาเข้าจริงกลับรูดลงมาปิดที่ 4.08 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่า 116 ล้านบาท  “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ไม่มีรูปแบบตายตัว จึงไม่ควรฝากความหวังไว้กับหุ้นตัวนี้มากนัก เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะถูกเทขายอีกนะซี

*ขนาดหุ้นทีเด็ดอย่าง SQ มีข่าวดีรออยู่เต็มประตูหน้าต่าง ยังถูกกระหน่ำเทขายอย่างหนักหน่วง จนหุ้นรูดลงมายืนอยู่ที่ 5.60 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่า 212 ล้านบาท มันเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไม่มีตัวแปรใหม่เข้ามาบิ้วด์อารมณ์ ผู้เล่นก็พร้อมจะโบกมือลาไปก่อน วันนี้ถึงไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้รกสมอง เพราะแค่ยึดหลัก “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ก็ไม่มีอะไรต้องทุกข์ร้อนอะไรอีกต่อไปค่ะ

Back to top button