JAS สมใจพิชญ์
แล้วในที่สุด ก็เป็นอันเรียบร้อยตามข้อเสนอของเสี่ยพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
แล้วในที่สุด ก็เป็นอันเรียบร้อยตามข้อเสนอของเสี่ยพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น JAS วานนี้มีมติอนุมัติให้ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เสนอขายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่ม จำนวนไม่เกิน 980,000 คอร์กิโลเมตร ให้แก่ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) ที่บริหารโดย บลจ.บัวหลวง จำกัด โดยธุรกรรมการขายทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่ารวมประมาณ 5-7 หมื่นล้านบาท
สิ่งที่พ่วงต่อกับมติดังกล่าวคือ การที่ JAS จะเข้าไปถือหน่วยลงทุน 1 ใน 3 ของ JASIF ในส่วนที่เพิ่มกองขึ้นมา ตามสูตร …ซึ่งในที่ประชุมสามัญวานนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติให้บริษัทจองซื้อหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของ JASIF ที่บริษัทคาดว่าธุรกรรมจองซื้อมีมูลค่ารวมประมาณ 16,667-23,333 ล้านบาท
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS กล่าวว่า JAS จะยังคงถือหน่วยลงทุน JASIF สัดส่วน 33% ของมูลค่ากองทุน ไม่คิดขายออก เพราะไม่มีความจำเป็น และที่ผ่านมาเงินปันผลที่ได้จาก JASIF สามารถสร้างเป็นรายได้ประจำให้บริษัทเฉลี่ยปีละ 1.5-1.6 พันล้านบาท หาก JAS เข้าซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มก็คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาเพิ่มเป็นราว 3 พันล้านบาท/ปี
นอกจากนั้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติให้ TTTBB เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มจากกองทุน JASIF เพื่อนำไปใช้ประกอบธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ ต่อไปประมาณ 12-15 ปี โดยธุรกรรมเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่ารวมประมาณ 34,400-59,700 ล้านบาท โดยที่เงื่อนเวลาการเช่าของสัญญาหลัก ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับกองทุนฯ ซึ่งเป็นไปได้ว่ากองทุนฯ และ TTTBB อาจต้องทำสัญญาหลักขยายเวลาจนไปถึง 29 ม.ค.75 ซึ่งเป็นระยะเวลาสิ้นสุดของอายุของใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของ TTTBB ที่ได้ขยายออกไป 15 ปีนับจากปัจจุบัน โดยที่สินทรัพย์ที่เช่ามา TTTBB จะใช้เพื่อรองรับบริการของบริษัทเองประมาณ 80% ส่วนอีก 20% แบ่งให้รายย่อยเช้ามาเช่าใช้
มติดังกล่าวถือว่า ผ่านโล่งตลอด แต่เรื่องจะได้เงินทันทีหรือไม่ นั่นมีคำตอบตามชัดเจน
ที่ปรึกษาทางการเงิน JAS ระบุว่า ดีลการขายสินทรัพย์ให้กอง JASIF คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/60 หรืออย่างช้าไตรมาส 1/61 โดยหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติเมื่อวานนี้ จะต้องนำไปให้ที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF อนุมัติด้วย แล้ว…ถึงจะยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
สิ่งที่นักลงทุนทุกคนอยากฟังคือคำพูดของเสี่ยพิชญ์ อยู่ที่ตรงเสี่ยประกาศชัดเจนว่า บริษัทจะพิจารณาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น หาก TTTB มีกำไรจากการขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงให้แก่ JASIF อย่างแน่นอน
ย้ำกันชัดเจนอย่างนี้ หายห่วงได้เลย
นอกจากนั้น เสี่ยพิชญ์ยังกล่าวย้ำว่า เครือ JAS จะไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 4G และ 5G หากภาครัฐจะจัดขึ้นอีกในอนาคต แต่จะโฟกัสกับการทำธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ยังเตบโตต่อเนื่องโดยที่ในปีนี้คาดว่าจะมีคนใช้บริการ BBB ที่ 2.525 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 2.419 ล้านราย โดยในไตรมาส 1/60 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 1.06 แสนราย เทียบกับไตรมาส 4/59 ที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 7.4 หมื่นราย
ที่สำคัญตอนนี้ JAS วางเป้าหมายเพื่อทำให้ผู้ใช้บริการไปสู่เป้าหมายแตะ 3 ล้านรายในปี 2561 และในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 5 ล้านราย ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นมาในช่วง 34-40% หลังจากที่ในสิ้นปี 2559 มีผู้ใช้บริการฯเพิ่มขึ้น 4.3 แสนราย หรือเพิ่มขึ้น 25%
ให้ความหวังกันทั้งผลประกอบการและปันผลพิเศษอย่างนี้ มีหรือที่ผู้ถือหุ้นจะอดใจแข็งไม่เปิด “ไฟเขียวผ่านตลอด” ให้
เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เพราะการที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ทำรายการ JAS จะมีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินดังกล่าวประมาณ 12,000-25,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่บริษัทจะนำกำไรที่ได้จากการสินทรัพย์ดังกล่าว มาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นอัตราประมาณ 2-4 บาท
ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา JAS ได้มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF มูลค่าประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท ซึ่ง JAS บันทึกกำไรพิเศษได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยเงินที่ระดมทุนในครั้งนั้น ส่งผลให้มีการจ่ายปันผลพิเศษเพียง 1.50 บาทต่อหุ้น เพราะต้องเตรียมเงินไว้ไปใช้สำหรับลงทุนขยายโครงข่ายใยแก้วนำแสง และการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz
ที่สำคัญ ปีก่อนหน้านั้น ยังมีจำนวนหุ้นที่นำมาคำนวณมากกว่าปีนี้หรือปีหน้า 1.2 พันล้านหุ้น ดังนั้น อย่างไรเสีย เงินปันผลต่อหุ้นเป็นกรณีพิเศษรอบใหม่ ต้องเพิ่มแน่นอน…ไม่ต้องประกาศ
ไอ้ที่คาดเดาว่า จะได้หุ้นละ 2-4 บาทน่ะ แค่ประเมินเบื้องต้น…ของจริงยังไม่รู้
รู้แค่ว่าปีนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 70% ของ JAS คือ เสี่ยพิชญ์เอง…..ไม่ใช่แค่ 35 เหมือนปีก่อนนะจ๊ะ
เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสีย
555555