BCH เด่นสุด! กลุ่มการแพทย์
เมื่อเข้าฤดูกาลประกาศผลประกอบการ...ก่อนบริษัทจะประกาศงบการเงินออกมานั้น เป็นธรรมเนียมที่นักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่า งบดีหรือไม่ดี เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าเก็งกำไรก่อนงบการเงินออกนั่นเอง
เส้นทางนักลงทุน
เมื่อเข้าฤดูกาลประกาศผลประกอบการ…ก่อนบริษัทจะประกาศงบการเงินออกมานั้น เป็นธรรมเนียมที่นักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่า งบดีหรือไม่ดี เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าเก็งกำไรก่อนงบการเงินออกนั่นเอง
ล่าสุด บล.ฟิลลิป คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 60 ของกลุ่มโรงพยาบาล อย่าง BCH, BDMS, BH, CHG, EKH, LPH และ RJH ยังไม่สดใสนัก จากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่คาดได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ป่วยเงินสดที่ลดลง โดยสาเหตุส่วนหนึ่งคาดมาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ อีกทั้งผู้ป่วยต่างชาติยังเข้าใช้บริการไม่สูงมากเมื่อเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ภาพรวมของกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาสแรกและนับรวมกับไตรมาสสองที่เป็นช่วง Low Season ด้วยแล้ว อาจทำให้ภาพรวมในครึ่งแรกของปี 60 ยังซบเซา
แม้ภาพรวมกลุ่มโรงพยาบาลอาจดูไม่สดใส แต่คาดโรงพยาบาลขนาดกลางได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในกลุ่ม อย่าง BCH, CHG จะรับผลกระทบจากลูกค้าที่ชะลอเข้าใช้บริการน้อยกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง BDMS, BH และโรงพยาบาลขนาดเล็ก อย่าง EKH, LPH, RJH
จากค่ารักษาพยาบาลและคุณภาพการรักษาเป็นที่ยอมรับ ประกอบกับจำนวนเครือข่ายโรงพยาบาลที่กว้างขวางกว่า (หากไม่นับ BDMS) ทั้งยังได้แรงหนุนจากฐานลูกค้าประกันสังคมที่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในปี 2560 จากที่ สปส. ประกาศให้สิทธิ์ผู้ป่วยประกันตนตรวจร่างกายในรายการอื่นๆ เพิ่มขึ้น เริ่มเดือนมกราคม 2560 โดยรวมน่าจะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวลูกค้าประกันสังคมโตอย่างมีนัยสำคัญ
รายละเอียดดังกล่าวเป็นแค่การวิเคราะห์ในช่วงครึ่งแรกของปีเท่านั้น ว่ากลุ่มโรงพยาบาลอาจซบเซา แต่แรงกดดันจากช่วง Low Season เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลจะกลับมาเด่นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ซึ่งเป็นช่วง High Season
แน่นอน นักวิเคราะห์มองหุ้นลงทุนมากกว่าปกติ โดยเลือก บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เป็น Top Pick ของกลุ่ม แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 17.50 บาท ทั้งนี้จาก 1.โรงพยาบาล WMH ที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น จากลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการสูง รวมทั้งฐานลูกค้าไทยรายใหม่ๆ จากที่บริษัทเข้ารุกตลาดในประเทศมากขึ้น
ทั้งการให้บริการแบบแพ็กเกจและส่วนลดต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ อาทิ การเปิดรับสมัครตำแหน่งผู้สำรวจความสุขในโรงพยาบาลภายใต้แคมเปญ “อาชีพที่ดีที่สุดในประเทศไทย” ณ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (เงินเดือนประจำ เดือนละ 1 ล้านบาท สัญญาจ้างงาน 6 เดือน บวกกับที่พักและสิทธิ์การรักษาพยาบาลฟรีตลอดระยะเวลาที่รับตำแหน่ง) คาดจะทำให้ประชาชนรู้จักและหันเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาล WMH มากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดศูนย์ให้บริการทางการแพทย์เพิ่มเติม เช่น ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า (World Diabetic Foot Center) คาดจะเปิดให้บริการในเดือน เม.ย. 60 และคลินิกเสริมสร้างสมรรถภาพความเป็นชาย (World Men Health Clinic) คาดจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ ตลอดจนขยายตลาดด้านศัลยกรรมพลาสติกในผู้ป่วยออสเตรเลียและอาหรับ และเปิดออฟฟิศใหม่ในกัมพูชา (ราวเดือนเม.ย. 60) โดยรวมน่าจะทำให้โรงพยาบาล WMH มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คาดทั้งปี 60 น่าจะขาดทุนอยู่อีกเพียงเล็กน้อยที่ราว 20-30 ล้านบาท (จากทั้งปี 59 ที่ขาดทุนอยู่ที่ 171 ล้านบาท)
2.โรงพยาบาลในเครืออื่นๆ มีผลการดำเนินงานที่ขยายตัวไปในทิศทางที่ดี โดยในปีนี้ผู้ป่วยประกันสังคมน่าจะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยที่ 8.0 แสนราย (จากข้อมูลวันที่ 16 มี.ค. 60 ที่มีผู้ป่วยประกันตนเข้ามาใช้บริการแล้วที่ 7.8 แสนราย) จากสิ้นปี 59 ที่ 7.7 แสนราย คาดปัจจัยบวกส่วนหนึ่งมาจากที่โรงพยาบาลเปาโลพหลโยธินออกจากโครงการประกันสังคม ทำให้ผู้ป่วยประกันตนราว 1.2 แสนรายต้องหาโรงพยาบาลใหม่
ประกอบกับปีนี้บริษัทน่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จาก 1) สปส.ประกาศให้สิทธิ์ผู้ป่วยประกันตนตรวจร่างกายในรายการอื่นๆ เพิ่ม (เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 60) 2) โรงพยาบาลการุณเวชปทุมธานีผ่านการรับรองมาตรฐาน HA ระดับ 3 ทำให้บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประกันสังคม (Fixed payment) เพิ่มขึ้นอีก 40 บาท คาดจะช่วยหนุนให้รายได้จากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมทั้งปีโตอย่างมีนัย
นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ให้เป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์นานาชาติ (Kasemrad lnternational Hospital) เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยระดับพรีเมียมมากขึ้น คาดจะเริ่มให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2560 ทั้งนี้โดยรวมน่าจะทำให้ผลการดำเนินงานปี 60 ขยายตัวสูงต่อเนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 60 ไว้ที่ 910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามสมมติฐานรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ 7,307 ล้านบาท สูงขึ้น 12.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 31.9% จากปี 59 ที่ 31.3% สำหรับการเปิดใช้พื้นที่ให้บริการส่วนอื่นๆ ยังใกล้เคียงกับแผนเดิมที่บริษัทวางไว้ก่อนหน้า
ส่วนเรื่องการก่อตั้งโรงพยาบาลเอกชนที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เบื้องต้นคาดเป็นโรงพยาบาลขนาด 250 เตียง (แต่จะเปิดให้บริการเฟสแรกก่อนที่ 100 เตียง) และมีห้องตรวจราว 30-40 ห้อง รองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ตลอดจนกลุ่มลูกค้า EXPAT ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการออกแบบก่อสร้าง คาดจะพร้อมให้บริการในไตรมาส 4 ปี 62 หรือราวๆ ต้นปี 2563
ดังนั้น ด้วยค่ารักษาพยาบาลและคุณภาพการรักษาเป็นที่ยอมรับ ประกอบกับจำนวนเครือข่ายโรงพยาบาลที่กว้างขวาง อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากค่าบริการทางลูกค้าประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาผลประกอบการแข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคต
เหตุดังกล่าวส่งผลให้ BCH เด่นสุดในกลุ่มการแพทย์นั่นเอง!!