บริษัทผลิตชิ้นส่วนให้โตโยต้ามีเฮ!
ถือว่าเป็นข่าวดี! สำหรับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เนื่องด้วยผู้บริหารโตโยต้ายังคงเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุด โดยวางแผนลงทุนในส่วนการวิจัย พัฒนาและผลิตคอมแพกต์คาร์ควบคู่กับการผลิตรถกระบะ รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เสนอเข้าบอร์ดฯ พิจารณาเดือนพฤษภาคม 2560
เส้นทางนักลงทุน
ถือว่าเป็นข่าวดี! สำหรับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เนื่องด้วยผู้บริหารโตโยต้ายังคงเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุด โดยวางแผนลงทุนในส่วนการวิจัย พัฒนาและผลิตคอมแพกต์คาร์ควบคู่กับการผลิตรถกระบะ รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เสนอเข้าบอร์ดฯ พิจารณาเดือนพฤษภาคม 2560
นับเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มยานยนต์ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ยังเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งโตโยต้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดในประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วน 29% ของยอดผลิตรวม…
ผลดังกล่าวอาจเป็นผลบวกต่อบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนให้กับโตโยต้าทั้งทางตรงและทางอ้อมได้อย่าง บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT, บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH และบริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY เป็นต้น
อนึ่งบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง รถกระบะ รถบรรทุกและอุตสาหกรรมเครื่องยนต์การเกษตร โดยกลุ่มลูกค้าหลักได้แก่ ผู้ประกอบยานยนต์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งมีการทำสัญญาซื้อขายระยะยาว และผู้ค้าชิ้นส่วนอะไหล่
บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ออกแบบผลิตและติดตั้งอุปกรณ์จับยึดเพื่อประกอบรถยนต์ ออกแบบและผลิตอุปกรณ์แม่พิมพ์ปั๊มโลหะและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ชิ้นส่วนพื้นรถ เหล็กขวาง ตัวค้ำ ตัวยึด ถังน้ำมัน เป็นต้น และมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ และเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายระบบนำร่องการเดินทางและให้บริการด้านเทคโนโลยีการเดินทาง
บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ ได้แก่ หลอดไฟ ชุดโคมไฟ และแม่พิมพ์ โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัท การผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล และมาตรฐานของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ แม้คาดว่า SAT, AH, STANLY จะได้รับผลบวกจากโตโยต้าทางตรงและทางอ้อมแล้ว ทางบริษัทเหล่านี้ยังมีปัจจัยบวกอยู่ด้วย
อย่างเช่น บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ในปี 2560 ทางผู้บริหารตั้งเป้าหมายรายได้จะโต 2-4% ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์เล็กน้อย ซึ่งได้แรงหนุนจากรถแทรกเตอร์ที่จะโตดี 13% อีกทั้งประเมินกำไรปี 2560 เท่ากับ 647 ล้านบาท โต 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ในระยะสั้นไตรมาสแรก 1 ปี 60 มีแนวโน้มจะติดลบจากปีก่อนและไตรมาสก่อนถูกกระทบจากยอดส่งออก ปีนี้ลงทุนไม่มาก 200-300 ล้านบาท สำหรับบำรุงรักษาเครื่องจักรและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต แต่ก็ยังหาโอกาสลู่ทางการลงทุน
ขณะที่ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH แนวโน้มปี 60 คาดยอดขายเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ 1.95-2.00 ล้านคัน สูงขึ้น 1-3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจาก 1) ทิศทางราคาสินค้าเกษตรบางชนิดที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น 2) ภาครัฐมีการอนุมัติและเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ 3) โครงการรถคันแรกที่ครบกำหนดถือครอง 5 ปี ตลอดจนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
โดยในปีนี้ผลการดำเนินงานบริษัทร่วม เช่น บริษัท เอเบิล ซาโน่ อินดัสตรีส จำกัด และบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด มีอัตราการขยายตัวค่อนข้างดี น่าจะทำให้บริษัทรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเข้ามาสูงกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับบริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ยืมต่างๆ
ทั้งนี้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ขึ้น 2% มาที่ 598 ล้านบาท (จากเดิมคาด 584 ล้านบาท) สูงขึ้น 10.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปรับสมมติฐานยอดขายขึ้นมาเล็กน้อยที่ 15,018 ล้านบาท (จากเดิมคาด 14,922 ล้านบาท) ขยายตัว 1.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนของ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY มองผลการดำเนินงานปี 60/61 ฟื้นตัวขึ้นตามอุตสาหกรรมรถยนต์ หลังทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิจะพลิกกลับมาโตแรงและเร็วกว่ารายอื่น โดยแนวโน้มรายได้เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม เพราะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ PPV ทั้ง Toyota Fortuner, Mitsubishi Pajero Sport ที่มีความต้องการใช้สูง
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกต่อกลุ่มยานยนต์ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ยังเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว
ด้านวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส คงให้น้ำหนักมากสุดเลือกเป็นหุ้น SAT คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.40 บาท ซึ่งเป็น Top pick เนื่องจากเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการมีโตโยต้าเป็นลูกค้าหลักคิดเป็นสัดส่วน 30% อีกทั้งราคามี Upside 19% PER ซื้อขาย 10 เท่า รวมถึงคาดอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4% ต่อปี