JSP รื้อสำเพ็ง
เมื่อสิ้นงวดปี 2558 บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เจ้าของฉายาที่นักลงทุนในตลาดรู้จักกันดีว่า “เจ๊สำเพ็ง” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราเติบโตของกำไรสูงที่สุดในกลุ่ม
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
เมื่อสิ้นงวดปี 2558 บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เจ้าของฉายาที่นักลงทุนในตลาดรู้จักกันดีว่า “เจ๊สำเพ็ง” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราเติบโตของกำไรสูงที่สุดในกลุ่ม
เรื่องนี้ นักลงทุนหลายคนจำไม่เคยได้ …แล้วก็ไม่คิดจะจำ เพราะ JSP กลายสภาพเข้าข่าย “บริษัทดี แต่ราคาหุ้นเลว”
ผลประกอบการอันดีเลิศของ JSP ตลอดปี 2558 ช่างสวนทางกันกับราคาหุ้นของบริษัทราวกับ “สวรรค์” และ “นรก” เลยทีเดียว เพราะนับตั้งแต่เข้าตลาดมาในปีเดียวกัน ในราคาจอง 2.10 บาท ราคาหุ้น JSP ไม่เคยกลับมาได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน
คิดกันง่ายๆ เข้าตลาดมาตั้งแต่วันแรก จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยแตะราคาจองเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แถมล่าสุด ราคาซื้อขายที่ระดับ 1.11 บาท ต่ำกว่าบุ๊คแวลู ที่ระดับ 1.23 บาท เสียอีก…ทั้งที่ไม่เคยมีขาดทุนเลย มีกำไรทุกปี…เพียงแต่ในปี 2559 กำไรลดลงฮวบฮาบเพราะมีตัวเลขขาดทุนจากบางโครงการลงทุน และบันทึกด้อยค่า ขาดทุนทางบัญชีในทรัพย์สินบางรายการ
บริษัทที่กำไรต่อเนื่องแต่ราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊คแวลู ทำให้นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอใหญ่ของ JSP ซึ่งถือว่าตนเองเป็น “คนแซ่แต้” จากซัวเถาเช่นกัน ทนไม่ไหว ต้องออกโรงมาเปิดตัวเป็นการใหญ่ เพราะทนเห็นราคาหุ้นถูก “ราษฎร์สิ้นศรัทธาธรรม” ไม่ไหว
โดยเฉพาะนับตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปีก่อน ที่ทีมงาน “มืออาชีพ” ยกทีมมาจากค่าย QH ทำผลงานบรรเจิด สามาถรส่งมอบงานก่อสร้างจากการที่มีโรงงานพรีคาสท์เอง ไม่แพ้ค่ายไหน ทำให้ส่งมอบสินค้าบ้านโดยเฉพาะแนวราบรวดเร็ว “ยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม”
มืออาชีพที่นำโดย “พี่แจ้” นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม เข้ามาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ทำให้ JSP รีแบรนด์ปรับโฉมครั้งใหญ่หวังสร้างความชัดเจนในสินค้า ยกเลิกชื่อ “สำเพ็ง” ให้เหลือแต่อดีต ให้เป็นชื่อที่ทันสมัยมากขึ้นตามประสานักการตลาดที่ต้องมองสมัยนิยมเป็นสำคัญ โดยบริษัทแม่บริหารและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในสินค้าประเภท อาคารพาณิชย์ มอลล์ และโครงการเดิมที่พัฒนาไว้แล้ว
เลิกกันเสียทีกับแนวคิดการตลาดเก่าๆ ที่ JSP เคยทำมาในปี 2558 …โดยเฉพาะสไตล์ “ลดแหลก แจกแถม” ที่เหมาะสำหรับสินค้าแบรนด์ตลาดล่าง ที่เน้นการใช้ประโยชน์มากกว่าอารมณ์ความรู้สึก แบบตลาดบน หรือตลาดพรีเมียม ซึ่งผู้บริหารของ JSP นั้นก็ไม่เคยอ้อมค้อมหรือปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น เพราะมุมมองเดิมว่า การเป็นสินค้าตลาดล่างนั้น ก็มีตลาดของตนเองที่ใหญ่กว่า และรองรับลูกค้าที่มีจำนวนมหาศาลมากกว่า
นอกเหนือจากนั้น ก็ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจ จัดตั้งบริษัทลูก “เจ.เอส.พี.แอสพลัส” ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมานี้จะรับผิดชอบโครงการในอนาคตเพื่อให้เกิดความชัดเจนในแบรนด์และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในตัวสินค้าเพื่อความทันสมัยมากขึ้น โดยที่พี่แจ้…รับตำแหน่งเป็น รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ JSP และควบตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี แอสพลัส จำกัด ด้วย
ความชัดเจนนี้ ทำให้งานว่องไวมากขึ้น
ถามว่าไวแค่ไหน…ก็ขนาดกรมที่ดินแยกโฉนดแปลงที่ดินจัดสรรลูกค้ามือระวิงแทบไม่ทัน…ก็แล้วกัน
ในขณะที่นักซื้อที่ดินตัวฉกาจฉกรรจ์อย่างนายทนงศักดิ์ ซึ่งสายตาเฉียบคม สามารถซื้อที่ดิน “ทำเลหมาย” ได้ ในราคา “พิเศษ” ก็มีเวลาเดินหน้าไปต่อเนื่องตามถนัด
งานนี้ JSP โดยนายทนงศักดิ์ จึงประกาศก้องด้วยเสียงดังฟังชัด อันเป็นคุณสมบัติเจ้าตัวเอง ว่าปี 2560 นี้จะต้องไม่มีสถานการณ์เหมือนเดิม ตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ 5 พันล้านบาทให้ได้…ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ส่วนกำไรไม่ต้องพูดถึง
ขณะเดียวกันก็จะเร่งเดินสายไปทั่วประเทศ เพื่อแนะนำตัวกับนักลงทุนรายย่อย และสถาบันให้รู้ว่า ..งานนี้ไม่ได้มาเดินเล่น แต่เอาจริง
ปีนี้ นายทนงศักดิ์ ถึงกับเดิมพันว่า JSP จะต้องเป็นหุ้นที่ “ดีทุกอย่าง”…รวมทั้งราคาหุ้นด้วย
ส่วนจะทำอย่างไรนั้น…เขาย้ำว่า ไม่ใช่การทำราคาหุ้นแน่นอน เพราะตัวเขาเอง ไม่เคยขายหุ้นออกมาเลย…แล้วหุ้นส่วนเก่าๆ ที่เคยแอบ “รินขายๆๆๆ”…ก็ไม่เหลือแล้ว…
เอวัง…
“อิ อิ อิ”