หมดแรงข้าวต้ม!
*ประเด็นของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายหลายเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เดี๊ยนมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เพราะข้อมูลที่โผล่มาให้เห็นในแต่ละวัน มันเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนมีอารมณ์บ่จอย รวมทั้งตัวแปรใหม่ๆ ก็ไม่มีประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนเกิดอาการกระชุ่มกระชวย บรรยากาศการลงทุนก็เลยดูเงียบๆ เหงาๆ ไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายหลายเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เดี๊ยนมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เพราะข้อมูลที่โผล่มาให้เห็นในแต่ละวัน มันเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนมีอารมณ์บ่จอย รวมทั้งตัวแปรใหม่ๆ ก็ไม่มีประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนเกิดอาการกระชุ่มกระชวย บรรยากาศการลงทุนก็เลยดูเงียบๆ เหงาๆ ไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้การซื้อขายวานนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเร้าใจ เพราะผลสุดท้ายดัชนีก็ลงเอยด้วยการปิดที่ 1,564.12 จุด ลบไป 2.20 จุด ด้วยมูลค่า 3.50 หมื่นล้านบาท แถมตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวทั้งแดนบวก และแดนลบในกรอบแคบๆ มันเป็นการสะท้อนถึงอาการไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้นไทย จึงเข้าลงทุนแบบแทงกั๊กตลอดเวลา ผลลัพธ์ที่ออกมาถึงไม่สวยหรูอย่างที่คิดพะยะค่ะ
*ประกอบกับวานนี้เห็นกองทุนตัวแสบขอลุยเดี่ยวแบบ “จาพนม” เพราะคิดว่า ในฉากจบจะเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาว แต่พอเอาเข้าจริงกลับช่วยอะไรได้ไม่มาก บวกกับผู้เล่นในกลุ่มอื่นๆ ก็ทำตัวพลิ้วไหวดั่งสนต้องลม “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในขั้นถัดไปไม่ออก เพราะผู้เล่นทุกสำนักที่เอ่ยถึงยังเคาะหุ้นแบบเปาะๆ แปะๆ เหมือนคนหมดแรงข้าวต้มนะซี
*ขนาดพี่บิ๊กเบิ้มอย่าง GGC เปิดตัววันแรกด้วยการปิดที่ 12 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.15% “โมนิก้า” ขอพูดตามตรงว่า นักลงทุนส่วนใหญ่พากันคิดว่า มันเป็นผลมาจากเรื่องกรีนชูไม่มากก็น้อย และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หุ้นไม่แรงอย่างที่ควรจะเป็นนั้น เดี๊ยนถึงต้องปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ภายในระยะเวลา 30 วันหุ้นจะแรงได้เวอร์วังขนาดไหน? หากไม่แรง..ถูกสังคมตราหน้าแน่ หากแรงจัด..โพสิชั่นจะเปลี่ยนไปอีกแบบนะคะ
*เหมือนกับในรายของ ESSO ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคอยบิ้วด์ราคาหุ้นตลอดเวลา พอถึงจังหวะที่ไม่มีข่าวเข้ามาหนุน พร้อมกับปรากฏปัญหาเกี่ยวกับการปั้นรายได้ แรงเทขายก็พรั่งพรูออกมาเป็นจำนวนมาก วานนี้ถึงเห็นหุ้นรูดลงมากองที่ 10.90 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า จุดเด้งครั้งก่อนอยู่บริเวณ 10 บาทนะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของ GFPT พยายามเทคตัวกลับขึ้นไปหาแนวต้าน 20 บาท หลังจากถูกถล่มจนลงไปกองที่บริเวณ 17 บาท แต่ก็ทำได้ดีสุดแค่ยืนแตะๆ ที่บริเวณ 18.50 บาท เพราะต่อจากนั้นก็โดนจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 17.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่า 128 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตการเคลื่อนตัวแบบ M ขาลง โดยทางเดียวที่จะทำให้หุ้นดูดีขึ้นคือ จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้ต้องไปไม่ต่ำกว่าครั้งก่อนเจ้าค่ะ
*ลักษณะดังกล่าวดูได้จากหุ้น GL กระชากขึ้นมาปิดที่ 23.50 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 1.10 พันล้านบาท มันเป็นภาพการเคลื่อนตัวในเชิงเทคนิค ไม่มีนัยสำคัญอะไรมากมายก่ายกองอย่างที่ควรจะเป็น แถมเที่ยวนี้วิ่งขึ้นมาชนเส้นแนวต้าน 25 วันที่บริเวณ 23.90 บาท ย่อมเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่นักเล่นต้องคิดแก้เกมให้ดีก่อนจะสายเกินแก้ เพราะคนที่เข้ามาเล่นหุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น..อิอิอิ
*ประเด็นนี้เหมือนกับสถานการณ์ของหุ้น ITD เกิดอุบัติเหตุซ้ำซากในการก่อสร้างหลายครั้งภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน จนเกิดกระแสดราม่าอย่างหนักหน่วง จนถึงขั้นจะขึ้นแบล็กลิสต์กันเลยทีเดียวนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เกิดจากตัวเองล้วนๆ ไม่สามารถโทษใครได้! หุ้นก็เลยร่วงลงมาปิดที่ 4.34 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่า 302 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาการลงทุนล้วนๆ นะตัวเอง
*คล้ายคลึงกับกรณีของหุ้น LIT ทะยานขึ้นมาปิดที่ 11.10 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 115 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการคัมแบ็กที่เร็วจนน่ากลัว เพราะเสต็ปการเคาะแต่ละไม้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ส่งผลให้คนที่เพิ่มเข้ามารับไม้ต่อเสียวสันหลังวาบกันเป็นแถว เพราะที่ผ่านมาหุ้นก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบดังกล่าว อาจมีบางครั้งที่วิ่งทะลุขึ้นไปแถว 12.20-12.60 บาท งานนี้บอกได้แค่ว่า เร็ว..แรง..ทะลุนรก..ถึงจะรอด!
*เม้าท์ถึงเรื่องความอยู่รอดก็ต้องหันกลับมามองผลการประชุมผู้ถือหุ้นของ IFEC ปรากฏข้อเท็จจริงว่า หมอวิชัยสามารถเก็บเพิ่มได้อีก 1 เก้าอี้ ส่วนฝั่งของ “ทวิช” เก็บได้อีก 2 เก้าอี้ ส่งผลให้กลุ่มหมอมีเสียงอยู่ในบอร์ด 5 เสียง ส่วนฝั่งกลุ่มทุนใหม่มีแค่ 4 เสียง..ปัญหามันมีอยู่ว่า ครั้งนี้ดันเป็นการลงคะแนนแบบสะสมอีกแล้ว! ทั้งที่ก่อนหน้านี้เม้าท์กันว่า น่าจะเป็นการลงคะแนนแบบปกติ เลยมีการส่งหนังสือคัดค้านไปยังกระทรวงพาณิชย์แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นหนังเรื่องยาวที่ยังไม่จบง่ายๆ แมงเม่าก็เลยต้องรับกรรมกันต่อไปนะคะ..