พาราสาวะถี
การจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน วันนี้ไม่ต้องไปเรียกร้องถามหาอะไรทั้งสิ้น กระบวนการขั้นตอนของสตง.ที่บอกว่ากำลังตรวจสอบก็แค่พอเป็นพิธี เมื่อวันนี้กองทัพเรือได้บินไปเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็เหลือแค่เตรียมเงินให้ครบ 700 ล้านบาทเพื่อไปจ่ายในงวดแรกเท่านั้น แอ็คชั่นต่างๆ ของฝ่ายค้านที่เห็นและเป็นไปจึงเหมือนกับอากาศธาตุที่ผ่านหายไปในสายลม
อรชุน
การจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน วันนี้ไม่ต้องไปเรียกร้องถามหาอะไรทั้งสิ้น กระบวนการขั้นตอนของสตง.ที่บอกว่ากำลังตรวจสอบก็แค่พอเป็นพิธี เมื่อวันนี้กองทัพเรือได้บินไปเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็เหลือแค่เตรียมเงินให้ครบ 700 ล้านบาทเพื่อไปจ่ายในงวดแรกเท่านั้น แอ็คชั่นต่างๆ ของฝ่ายค้านที่เห็นและเป็นไปจึงเหมือนกับอากาศธาตุที่ผ่านหายไปในสายลม
ความจำเป็นมันมีมากมายมหาศาลขนาดนั้น กองทัพเรือยกโขยงชี้แจงกันละเอียดยิบ บวกกับท่วงทำนองของท่านผู้นำตีซ้ำจำนำข้าวเอามาเปรียบไม่ได้กับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ยกตรรกะกันอย่างนี้ มันเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าผู้มีอำนาจเขาต้องการอย่างไร ดังนั้น การจะไปอธิบายเหตุผลความจำเป็นและความเดือดร้อนอื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์
คงไม่ต่างจากหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ถ้าแป๊ะไม่ใส่เกียร์ถอยใครจะกล้าขัดใจ เห็นได้จากร่างกฎหมายควบคุมสื่อแม้จะมีการอภิปรายคัดค้านกันในที่ประชุมสปท. แต่พอเห็นเสียงที่ยกมือโหวตก็เป็นหลักฐานอันเด่นชัดสะท้อนภาพความต้องการของใครบางคนบางพวก แม้ว่าจะต้องรอวัดใจอีกสองด่านคือคณะรัฐมนตรีหรือสนช. เมื่ออ่านท่าทีของ วิษณุ เครืองาม ก็จะพบว่ามีโอกาสที่สื่อจะถูกสับขาหลอก
ขณะเดียวกันหากอ่านจากความพยายามในการผลักดันแล้ว บางทีก็ชวนให้คิดไปถึงเรื่องผู้มีอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า การเดินเกมชนิดรุกคืบวงการสื่อเช่นนั้น เป็นเพราะมั่นใจว่าจะกลับมากันอีกรอบใช่ไหม จึงต้องจับพวกปากหอยปากปูที่คอยจับตาดูความผิดปกติทุกฝีก้าวมาล่ามโซ่ ตีตรวนเสียให้เข็ด เผลอๆ หากผ่านด่านมะขามเตี้ยไปได้ ก็จะจับมาสนตะพายกันให้หมด
ความเป็นจริงที่ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ช่วยสะท้อนภาพอีกด้าน ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากเป็นการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองคนดีและควบคุมคนไม่ดี เชื่อว่าสื่อมวลชนแท้คงไม่มีปฏิกิริยาไปในทางที่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่บังเอิญว่าเนื้อหาบางประการในกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจรัฐเอาไว้มากมายเกินสมควรกว่าที่สื่อทุกฝ่ายจะยอมรับได้
ดังนั้น จึงเกิดคำถามสำคัญออกมาว่า หากกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้แล้ว ผู้มีอำนาจตามกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นฝ่ายรัฐจะใช้อำนาจดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือเพื่อประโยชน์แก่ ฝ่ายตนและพวกพ้อง แน่นอนว่าคำถามนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่เชื่อว่าสื่อมวลชนทุกคนคงเห็นอนาคตของตัวเองว่าจะกระจ่างใสหรือมืดมนรออยู่ข้างหน้า
ยิ่งพิจารณาจากที่มาและทัศนคติของผู้มีหน้าที่ออกกฎหมาย ยิ่งปราศจากข้อสงสัย เราจึงพบการแสดงความไม่เห็นด้วยจากสื่อมวลชนทุกแขนงอย่างกว้างขวาง ตรงไปตรงมา แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีใครแตกแถวเลยแม้แต่คนเดียว อนุดิษฐ์ยอมรับในฐานะที่ตัวเองเคยตกเป็นผู้ถูกตรวจสอบว่า แม้จะไม่ชอบบางคน บางสื่อ และในใจบางครั้งก็อยากให้มีกฎหมายที่เข้มงวดมาคุมเข้ม แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่เกิดจากอารมณ์เท่านั้น
เพราะถ้าพวกเราทุกคนยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย เราต้องยืนหยัดอยู่ข้างสื่อมวลชนทุกแขนง เพราะเชื่อว่าไม่มีฝ่ายประชาธิปไตยคนไหนที่สามารถทำใจยอมรับกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกของประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นสื่อมวลชนหรือไม่ก็ตาม นี่แหละคือคุณสมบัติของนักการเมืองที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งของประชาชน ที่อธิบายให้ตายอย่างไรพวกลากตั้งหรือมาด้วยปลายกระบอกปืนก็ไม่มีวันจะเข้าใจ
นอกเหนือจากความไม่เข้าใจแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตยมีคือความกลัว กลัวทุกอย่างที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ไม่เว้นแม้แต่กรณีของ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ ที่ได้รับเลือกจากการลงมติลับของสภานิสิต จุฬาฯให้นั่งเป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ ไม่ว่าใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ถือเป็นความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย
แต่การที่ผู้นำประเทศซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ล้วงลึกไปถึงเก้าอี้ประธานนิสิตของเนติวิทย์ ไม่ว่าคำตอบจะเกิดจากคำถามนำหรือไม่อย่างไร แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดและอคติที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของผู้มีอำนาจว่าเลือกใครเป็นพวก ชี้ใครเป็นศัตรูบ้าง ไม่เพียงเท่านั้น ความสามานย์อีกประการที่ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการคือ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จในโลกโซเซียลมีเดีย
ถ้ายกเอาปมของ ไผ่ ดาวดิน ที่ถูกตำรวจเล่นงานอย่างรวดเร็วจากการแชร์ข้อมูลข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้แชร์เพียงรายเดียวที่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ตำรวจจะต้องไม่ละเลยและเร่งรีบจัดการในกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปแจ้งความเอาผิดพวกที่เผยแพร่ข้อมูลว่าเจ๊หน่อยอยู่เบื้องหลังการได้เก้าอี้ประธานสภานิสิตจุฬาฯของเนติวิทย์
ไม่เพียงแค่ข้อมูลที่บิดเบี้ยวเท่านั้น ยังมีการเผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็นเนติวิทย์ก้มกราบคุณหญิงสุดารัตน์ด้วย พวกอคติและเกลียดชังระบอบทักษิณเข้าไส้ก็กระจายข่าวกันอึกทึกครึกโครม แต่สุดท้ายปรากฏว่าภาพดังกล่าวเป็น การุณ โหสกุล อดีตส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทยที่ไปกราบขอขมาเจ๊หน่อยก่อนจะเข้าพิธีบวชตั้งแต่ปี 2557
ประเด็นเช่นนี้ หากฝ่ายความมั่นคงจะให้ความสนใจและใช้เป็นกรณีศึกษา ก็น่าจะเป็นการอธิบายภาพที่พยายามยืนยันกันมาตลอดว่าฝ่ายถืออำนาจรัฐเป็นธรรม เป็นกลางและโปร่งใส การให้ร้ายเจ๊หน่อยรอบนี้ไม่เพียงแค่จะนำไปอธิบายเหตุผลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเนติวิทย์เท่านั้น แต่มีเป้าหมายใหญ่กว่านั้นคือการมุ่งไปในการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยอีกต่างหาก
ข่าวที่นำมาเชื่อมโยงกันได้คือ การโพนทะนาว่า ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าไปเทกโอเวอร์พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อนถึง “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ต้องรีบแถลงข่าวยืนยันพรรคยังมีศักดิ์ศรีและไม่ได้มีไว้ขายให้ใคร งานนี้ง่ายๆ ใครก็ตามที่ปล่อยข่าวพุ่งเป้าไปที่ทักษิณโดยหวังที่จะทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างภาพความน่ากลัวให้เห็นความเป็นทุนสามานย์เหมือนแผนการที่เคยดำเนินการมาโดยตลอด และคงจะเกิดข่าวในลักษณะเช่นนี้ออกมาเรื่อยๆ