พาราสาวะถี
ยิ่งใกล้วาระครบรอบ 3 ปีการบริหารงานของรัฐบาลคสช. ดูเหมือนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะหนาหูขึ้นเรื่อยๆ และเป็นมุมมองเชิงลบเสียส่วนใหญ่ มาถึงนาทีนี้ยอมรับว่าความมั่นคงสงบราบเรียบเพราะกฎหมายพิเศษและมาตรายาวิเศษ แต่ธรรมชาติของคนต้องกินต้องใช้ สงบอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เศรษฐกิจต้องกระเตื้อง ประชาชนไม่อยากอดอยากปากแห้งด้วย
พาราสาวะถี
ยิ่งใกล้วาระครบรอบ 3 ปีการบริหารงานของรัฐบาลคสช. ดูเหมือนว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะหนาหูขึ้นเรื่อยๆ และเป็นมุมมองเชิงลบเสียส่วนใหญ่ มาถึงนาทีนี้ยอมรับว่าความมั่นคงสงบราบเรียบเพราะกฎหมายพิเศษและมาตรายาวิเศษ แต่ธรรมชาติของคนต้องกินต้องใช้ สงบอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เศรษฐกิจต้องกระเตื้อง ประชาชนไม่อยากอดอยากปากแห้งด้วย
ทิศทางด้านเศรษฐกิจจึงเป็นตัวชี้วัดฝีมือของรัฐบาลรัฐประหาร เมื่อความมั่นคงสงบราบคาบ ไม่มีใครกล้าหือ เสถียรภาพทางการเมืองนิ่งอย่างที่ท่านป่าวประกาศ มิหนำซ้ำ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยั้วเยี้ย พร้อมด้วยการโพนทะนาสารพัดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เหตุใดแม้แต่คนกันเองยังออกมาก่นด่าว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไร้ฝีมือ
ตัวเลขต่างๆ ที่ออกมา หากคิดว่าทำให้สบายใจก็เชิญหลงใหลได้ปลื้มกันไป แต่ความเป็นจริงเหมือนอย่างที่ผู้รู้ทั้งหลายหรือแม้แต่ยายสาตาสีก็เข้าใจ ไปสำรวจความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ดูสิว่า เขาอยู่สุขสบายกันอย่างที่ท่านโอ้อวดหรือไม่ นี่คือภาพเศรษฐกิจแห่งความจริง ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงานทั้งหลายจะชงให้ท่านผู้นำแถลงในวาระครบรอบ 3 ปีการทำงาน จึงน่าสนใจว่าจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เกรงกันว่าท้ายที่สุดมันก็จะเป็นแค่เอกสารหรือโครงการที่วาดฝันกันสวยหรู แต่ผลสัมฤทธิ์และความสำเร็จมันสัมผัสจับต้องกันได้หรือไม่ ท่านทั้งหลายน่าจะรู้อยู่แก่ใจ หากทุกอย่างมันสวยหรูเช่นนั้น ประเด็นการซื้อเรือดำน้ำในยุคที่ประชาชนไร้ปากเสียง คงไม่ต้องคอยชี้แจงกันปากเปียกปากแฉะ จนท่านผู้นำต้องตวาดนักข่าวให้เลิกถามเรื่องนี้ได้แล้ว
เพราะโลกแห่งความเป็นจริงที่จะโกหกใครไม่ได้หรือแม้แต่กระทั่งการโกหกตัวเองนั่นก็คือ ขณะที่พยายามจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แม้กระทั่งการเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ (ที่ยังไม่เดินหน้า) ปรากฏว่ากลับมีการใช้เม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาทไปซื้อเรือดำน้ำ ที่ถูกตอกย้ำมาตลอดตั้งแต่งุบงิบผ่านความเห็นชอบของครม. มันกระตุ้นเศรษฐกิจตรงไหน
คนที่เห็นต่างหรือคัดค้าน ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยหากมองในแง่ของความมั่นคง หากแต่ทุกคนเห็นตรงกันว่า มันใช่เวลาที่จะมาซื้อยุทโธปกรณ์ซึ่งไม่น่าจะจำเป็นอย่างเร่งด่วนในห้วงเวลานี้หรือไม่ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาลไม่น้อย ล่าสุด ก็ยังมีประเด็นเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลทหารอย่างรุนแรง
ไม่ว่าจะมีการจับกุมผู้บงการและลงมือก่อเหตุได้ทั้งขบวนการหรือไม่ คำถามไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี หากแต่มันอยู่ที่ว่า งบประมาณซึ่งทุ่มลงไปและการตั้งครม.ส่วนหน้าไปแก้ปัญหาในยุคอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเช่นนี้ ทำไมจึงยังมีการก่อเหตุที่รุนแรง ป่าเถื่อนเช่นนี้ได้
คำอธิบายที่ว่า หน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคงเฝ้าระวังมาโดยตลอด แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ฝ่ายตั้งรับจะจัดการกับฝ่ายเคลื่อนไหวก่อเหตุได้ มันไม่น่าจะเป็นคำตอบเพียงพอเหมือนในอดีต เพราะนั่นหมายความว่า การเพิ่มทั้งงบประมาณและสรรพกำลังในยุคนี้ ไม่อาจตามทันยุทธวิธีของฝ่ายตรงข้ามที่เปลี่ยนรูปแบบการก่อเหตุใช่หรือไม่
เหตุระเบิดบิ๊กซี ปัตตานี เป็นภาพสะท้อนชัดถึงยุทธวิธีของคนร้ายที่ใช้การปล้นรถแล้วก่อเหตุทันที ไม่ใช่นำรถไปดัดแปลงเหมือนที่ผ่านมา ถามว่า ความเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รู้ข่าวกันหรือไม่ หากยังไม่รู้ จุดนี้จะเป็นจุดอ่อนที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ เพราะนอกจากจะต้องเฝ้าระวังว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อไหร่แล้ว ยังต้องมาระวังว่าตัวเองจะถูกปล้นฆ่าเพื่อนำเอาพาหนะทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ไปก่อเหตุเมื่อใดก็ได้
ตรงนี้ต่างหาก ที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จะต้องเร่งชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ไม่เพียงแต่รูปแบบการก่อเหตุที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ยังมีปฏิบัติการกดดัน ข่มขู่ให้ผู้นำศาสนาในพื้นที่ร่วมมือเพื่อใช้ศาสนสถานเป็นที่ก่อเหตุรุนแรงด้วย ทั้งหมดเหล่านี้ หากเป็นรัฐบาลเลือกตั้งทั่วไปคนอาจจะวิจารณ์บ้างแต่ไม่หนักหน่วงเท่ารัฐบาลทหาร
ข่าวระเบิดที่ปัตตานียังไม่ทันจางหาย ก็มีแรงกระแทกถาโถมเข้าใส่รัฐบาลคสช.อีกกระทอก ปมที่ครม.ไม่อนุมัติอัตราข้าราชการพยาบาล 10,992 ตำแหน่งตามที่กระทรวงสาธารณสุขร้องขอ จนทำให้เหล่าพยาบาลที่เคยร่วมเป่านกหวีด ใช้สังคมออนไลน์เคลื่อนไหวข่มขู่จะมีมาตรการตอบโต้รัฐบาลด้วยการลาออกภายในวันที่ 30 กันยายนนี้
จนนำมาซึ่งการชี้แจงและตอบโต้กันไปมา รัฐบาลโดยสำนักงานก.พ.ก็ยืนยันว่าเหตุที่ไม่อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขร้องขอเพราะที่กระทรวงคุณหมอมีตำแหน่งข้าราชการว่าง ณ วันที่ 3 มีนาคม 2560 จำนวน 11,213 อัตรา เท่านั้นแหละ โสภณ เมฆธน ปลัดสาธารณสุขรีบออกมาโต้ทันควัน บอกว่า ข้อมูลดังว่านั้นเป็นข้อมูลจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำมาบรรจุพยาบาลได้ทั้งหมด
หากเป็นการตอบโต้กันระหว่างฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายรัฐบาลก็ยังพอที่จะเชื่อได้ว่า ข้อมูลฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจเป็นเท็จ แต่นี่เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้น การที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลจริงแต่ไม่ทั้งหมด จึงเป็นสิ่งชวนให้ขบคิด ความจริงแล้วประเด็นเรื่องกระทรวงสาธารณสุขมีบุคลากรหลากหลายวิชาชีพไม่ใช่เฉพาะวิชาชีพพยาบาลเท่านั้น ก.พ.ก็ไม่น่าจะสอบตกในแง่นี้
ปัญหาที่ว่ามาทั้งหมดนั้น อาจไม่ถึงกับทำให้รัฐบาลคสช.ต้องมีอันเป็นไป ทว่ามันก็เป็นภาพสะท้อนที่ช่วยเตือนใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นอย่างดีว่าการบริหารบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการสั่งซ้ายหันขวาหันในกองทัพ โดยเฉพาะกับฝ่ายบริหารที่ประกาศตัวว่าเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งพวกใด แต่ยิ่งนานวันก็ดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากจุดแข็งที่ตัวเองเคยประกาศไว้ทุกที มากไปกว่าภาพที่เห็นแทนที่จะเป็นการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อเตรียมปล่อยวางเปลี่ยนผ่าน ยิ่งนานวันยิ่งดูเหมือนจะเป็นการเตรียมการเพื่อสืบทอดอำนาจไปเสียฉิบ