บจ.กำไรโต 21%
วันก่อนหน้านี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เสนอข่าว กำไร บจ. ไตรมาส 1/60
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
วันก่อนหน้านี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เสนอข่าว กำไร บจ. ไตรมาส 1/60
เป็นตัวเลขที่เก็บถึงเช้าวันที่ 16 พ.ค. หรือคิดเป็น 94% ของ มาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาด
ผลคือ บจ. มีกำไร 2.75 แสนล้านบาท เติบโตกว่า 19%
ทว่า มีตัวเลขล่าสุดกว่านั้นออกมาแล้ว
พบว่า มีบริษัทจดทะเบียนรายงานงบแล้ว 529 บริษัท คิดเป็น 96% ของมาร์เก็ตแคปทั้งตลาด ทำกำไรสุทธิรวมกัน 2.84 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3%
เป็นตัวเลขที่รวบรวมโดย บล.เอเซีย พลัส
ตัวเลขนี้ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ได้มีการคาดกันว่า บจ.จะมีกำไรสุทธิ 2.30- 2.40 แสนล้านบาทในไตรมาส 1
ส่วนกำไรรายกลุ่ม และรายตัว (ที่น่าสนใจ) นั้น
เช่น กลุ่มพลังงาน เติบโต 66.7% นำโดยธุรกิจปิโตรเลียม หลักๆ มาจาก PTT กำไรสุทธิเติบโตมากกว่าคาด หรือ 95% และ PTTEP กำไรสุทธิดีกว่าคาดเช่นกัน เติบโต 118%
ขณะที่ธุรกิจถ่านหิน BANPU พลิกกลับมาเป็นกำไร
และธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่มีกำไรเติบโตดี คือ EGCO และ GUNKUL
สำหรับภาพงวดไตรมาส 2/60 บล.เอเซีย พลัส เขามองว่าอาจจะผสมทั้งดีและไม่ดี คือ ธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่น จะเข้าสู่ช่วง low season และมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น
ธุรกิจถ่านหิน และโรงไฟฟ้าจะดีต่อเนื่องในงวดไตรมาส 2 นี้
ส่วนธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมี เติบโต 100.9% หลักๆ มาจาก PTTGC กำไรดีกว่าคาด หรือเติบโต 180%
แล้วแนวโน้มไตรมาส 2 ล่ะ
บล.เอเซีย พลัส ส่องว่าจะอ่อนตัวจากแผนชัตดาวน์ แต่ปิโตรเคมีที่อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น
มาดูที่ กลุ่มค้าปลีก กันบ้างที่กำไรพุ่ง 16.2%
แน่นอนว่า CPALL กำไรนำโด่งออกมาเลย เติบโตกว่า 17% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ รวมทั้งบันทึกกำไรจาก MAKRO
BEAUTY กำไรสุทธิเติบโตเกินคาด 55% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่
และแนวโน้มงวดไตรมาส 2 จะทรงถึงอ่อนตัวลงหลังผ่านช่วงฤดูกาลไปแล้ว และจะดีขึ้นในไตรมาส 4 อีกครั้ง
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17% ส่วนใหญ่มาจาก SCC หรือปูนซิเมนต์ไทย ที่กำไรดีกว่าคาด เติบโต 29% รวมทั้ง TPIPL กำไรเพิ่มขึ้นถึง 837%
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กำไรสุทธิหดตัวแรงมาก ติดลบ 47%
มาจากการขาดทุนในงวดนี้ของ STPI และ BJCHI และฐานกำไรที่ต่ำของ TTCL
ผู้รับเหมารายใหญ่อย่าง STEC และ CK กำไรก็อ่อนตัวลง
มีเพียง UNIQ ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 27%
กลุ่มโรงพยาบาล กำไรสุทธิลดลง 10.4%
หลักๆ มาจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ คือ BDMS หดตัว 18%, BCH เติบโต 5.8% และ BH กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย เติบโต 2.8%
กลุ่ม ICT กำไรสุทธิลดลง 33.4% หลักๆ มาจากการลดลง ADVANC (-4.7%) DTAC (-82%) และ INTUCH (-9.8%) THCOM (-63%)
และการขาดทุนของ TRUE ครับ
แต่ที่เติบโตดีในกลุ่มนี้คือ ผู้รับเหมาวางระบบโครงข่ายที่เติบโตคือ AIT +23.5% และ SAMTEL +45% และกลุ่มหลังยังมีแนวโน้มเติบโตตามนโยบายลงทุนทางด้านสาธารณูปโภคของรัฐ
กลุ่มพัฒนาอสังหาฯ กำไรสุทธิหดตัว 14%
หุ้นในกลุ่มนี้กำไรเติบโตติดลบทุกตัว
และส่วนใหญ่เกิดจากยอดโอนที่น้อยกว่าคาดในไตรมาส 1 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และน่าจะดีขึ้นในช่วง ครึ่งปีหลังเพราะต้องเร่งโอนบ้าน
กลุ่มขนส่ง กำไรสุทธิหดตัว 13.6%
แรงกดดันมาจากหุ้นสายการบิน ทั้ง AAV, BA, และ THAI ผลจากการแข่งขันที่สูงมาก และต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และน่าจะอ่อนตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2 และ 3
ยกเว้น AOT ผลประกอบการยังเติบโตได้ดี หรือ 17.8%
และ AOT ก็ยังน่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆ ไป
กลุ่มอาหาร กำไรสุทธิหดตัว 7.5%
และภาพรวมกลุ่มนี้ กำไรสุทธิน่าจะอ่อนตัวในช่วงที่เหลือเพราะราคาสุกรที่อ่อนตัว ราคาวัตถุดิบทูน่า และแซลมอนปรับสูงขึ้น จึงลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มเกษตร-อาหารลงเหลือ เท่าตลาด
ส่วนธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม หลายบริษัทผลประกอบการย่ำแย่ จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น คือ ICHI และ SAPPE
กลุ่มเกษตร กำไรสุทธิโต 100% หลักๆ มาจาก STA
กลุ่มที่ผลประกอบการพลิกกลับมากำไรหลังจากขาดทุนในช่วงก่อนหน้า คือ กลุ่มบันเทิง โดยเฉพาะธุรกิจทีวีดิจิตอล นำโดย WORK เติบโตมากถึง 500%
กลุ่มชิ้นส่วนฯ รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 25%
กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม กำไรสุทธิโต 31%
และกลุ่มยานยนต์ มีกำไรสุทธิเติบโต 15%