สำนึกคนใกล้ตัว

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

 

3 ปี คสช.ไม่มีอะไรในกอไผ่ ดุสิตโพลสำรวจทีไร ชาวบ้านก็บ่นเศรษฐกิจแย่ลง แม้มีดีที่รักษาความสงบ ปราบคอร์รัปชั่น แต่ก็แย่ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ โดยน่าสังเกตว่า ด้าน “แย่ลง” เพิ่มมาอีกอย่างคือความรุนแรงภาคใต้

ฝ่ายนิด้าโพลบอกว่า 3 ปี คน 42% มีความสุขเท่าเดิม 32% มีความสุขเพิ่มขึ้น 21% มีความสุขลดลง แม้เป็นโพลนิด้าที่บางคนมองว่าเอียงข้างรัฐบาล แต่ตัวเลขก็แย่กว่าปีก่อน ซึ่งมีคน 43% สุขเท่าเดิม 37% สุขเพิ่มขึ้น 18% สุขลดลง

คนไทยก็อย่างนี้ รัฐบาลไหนอยู่ 3 ปี ถ้าไม่มีผลงานโดดเด่นก็เบื่อง่าย ความสงบไม่ช่วยอะไร มีแต่พวกเกลียดชังรัฐบาลก่อนที่สะใจ มันน่าคิดว่าถ้า คสช.ต้องอยู่ต่อจนครบ 4 ปี 5 ปี กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ คะแนนนิยมรัฐบาลทหารจะอยู่ระดับไหน

ปลายสัปดาห์มีเรื่องไม่ใหญ่แต่ไม่เล็ก การแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งมีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน และมีลูกชายวิษณุ เครืองาม เป็นกรรมการด้วย

วิษณุบอกไม่ได้ตั้งเอง บวรศักดิ์เป็นคนเลือก ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลาออกได้ ต่อมาก็บอกอีกว่า ถ้าลูกชายไม่สบายใจก็ลาออกได้ เพราะการมาทำหน้าที่ครั้งนี้ เงินเดือนก็ไม่ได้

คำถามคือใครจะเป็นคนบอกว่าไม่เหมาะสม ทำไมวิษณุต้องถามคนอื่น เหมาะสมหรือไม่ วิษณุควรรู้แก่ใจ ไม่ต้องรอให้ใครวิจารณ์ แต่นี่วิษณุเพียงออกมาปัดว่า ตัวเองไม่ได้ตั้งลูก (ญาติผู้น้องตั้ง) และบอกไม่ได้เงินเดือน เหมือนเป็นตำแหน่งที่ไม่มีผลประโยชน์

ทั้งที่นอกจากเป็นลูกวิษณุ ดร.วิชญะ เครืองาม ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายงานรัฐกิจสัมพันธ์ ของทรูคอร์ ปอเรชั่น เป็นกรรมการคนเดียวที่มาจากธุรกิจเอกชน โดยไม่ได้เป็นตัวแทนหอการค้า สภาอุตสาหกรรม

มันก็เลยมีคำถามว่าทรูส่งมา หรือพ่อส่งมา แล้วทำไมไม่มีคนของดีแทคเอไอเอสบ้างล่ะ

ใช่ครับตำแหน่งนี้ไม่ใช่งานลับ ไม่ได้รับเงินเดือน แต่ก็เหมือนปูทางเข้าสู่ความเป็นมือกฎหมายรัฐบาลตามพ่อ โดยความสามารถยอมรับว่าลูกท่านเก่ง แต่หนึ่ง การเข้าไปเป็นกรรมการในยุคที่พ่อเป็นรองนายกฯ สอง เป็นทั้งๆ ที่เป็นลูกจ้างเอกชน เหมาะสมไหมพ่อลูกน่าจะรู้แก่ใจ

มือกฎหมายของรัฐบาลนี้ ทั้งมีชัย ฤชุพันธุ์, บวรศักดิ์ อาศัยช่วงอำนาจพิเศษ ทำงานให้รัฐควบเป็นบอร์ดบริษัทเอกชน แล้ววิษณุก็จะให้ลูกเจริญรอยตาม? เท่าที่ตรวจสอบพบว่า บวรศักดิ์กับวิชญะ เป็นประธานและเป็นบอร์ดบริษัท GEL, วิชญะยังเป็นบอร์ดนามยงเทอร์มินอล, AEC และ ศิครินทร์ ขณะที่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญงานรัฐกิจสัมพันธ์ของทรู ก็คือตำแหน่งที่ต้องติดต่อเจรจากับอำนาจรัฐ ดังที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร WHO เมื่อหลายปีก่อนว่างานที่ต้องทำคือ การประมูลคลื่น 3G และการตรวจสอบกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคม

นั่นละครับ เหมาะสมไหมวิษณุควรรู้แก่ใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หลายคนยังไม่ลืมว่าตอนที่ลูกชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ใช้บ้านพักในค่ายทหารเป็นที่ตั้งบริษัทประมูลงานกองทัพภาคที่ 3 วิษณุก็ยืนยันว่าทำได้ไม่ผิดอะไร

ก็อาจใช่ อาจไม่ผิด แต่ที่คนติดใจคือ “ความเหมาะสม” ผู้มีอำนาจยุคนี้ตีมึนเรื่องความเหมาะสม กระทั่งมือกฎหมายยังให้ท้ายและเป็นเสียเอง ปีที่ 4 ของ คสช.ถ้าไม่ระวังเรื่องอย่างนี้จะยิ่งกระทบความรู้สึกคน