ระเบิด กับ หุ้น

พลวัตปี 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

เหตุระเบิดที่ข้างห้องประชุม วงศ์สุวรรณ ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อช่วงสายวานนี้ อาจจะมีคนมองว่าไม่เกี่ยวกับราคาหุ้นเลย แต่ในมุมมองของความเสี่ยงทางการเมือง ถือว่า นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในอนาคตข้างหน้าที่ผ่านมา

ที่ว่าไม่ธรรมดาเพราะ 1) เกิดในโรงพยาบาลทหาร ซึ่งคนที่ลงมือกระทำ ย่อมไม่ใช่คนกลุ่มอื่น แม้ยังไม่รู้เจตนาของการกระทำ 2) เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการรัฐประหาร โดยคณะทหาร คสช.นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 3) ลักษณะของการกระทำ เข้าข่าย “โฆษณาติดอาวุธ” ที่ชัดเจนคือไม่ไดมุ่งทำลายล้าง แต่มุ่งสร้างกระแสมากกว่า

หลังการเกิดเหตุมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจเกิดขึ้นตามมาคือ

• ตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยเพิ่มมาตรการตรวจตราความเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยทำเนียบฯ พื้นที่โดยรอบ รวมทั้งตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ที่ทางเข้าประตู 4 ประตู 5 และสะพานอรทัย ทั้งบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก โดยละเอียด รวมทั้งใช้เครื่องสแกนวัตถุโลหะ เพิ่มกำลังสายตรวจ ทำให้การเข้าออกยุ่งยากกว่าเดิม
• ทำการเข้มงวดในการตรวจตราทั้งพื้นที่ชั้นในและชั้นนอกโดยรอบโรงพยาบาลอย่างละเอียดด้วยความไม่ประมาท

วันเดียวกัน ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็แถลงข่าวดีตามสูตรสำเร็จถึงจุดเด่นของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เป็นพื้นฐานของตลาด

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ระบุว่า รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 รวม 2.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.36% จากงวดเดียวกันในปีก่อน จากการฟื้นตัวของหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขณะเดียวกันหมวดธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตได้ดี

นอกจากนั้น ยังคาดอีกว่า กำไรของ บริษัทจดทะเบียนในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีการเติบโต 21% จากงวดเดียวกันปีก่อน

เบื้องหลังมุมมองเชิงบวกอยู่ที่การคาดว่า ราคาน้ำมันจะยังคงจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน หรือไม่ได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของกลุ่มพลังงานออกมาดีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มฟื้นตัวแม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เชื่อว่าธนาคารจะสามารถควบคุมผลกระทบต่อกำไรสุทธิได้ รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ

สิ่งที่ต้องระวังของการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังคงต้องมีความระมัดระวังความเสี่ยงในเรื่องของการเมืองและนโยบายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ประกอบกับ ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่ก็มองว่าการลงทุนในหุ้นยังได้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจ

ประเด็นที่นักลงทุนในประเทศกังวลในเรื่องของต่างชาติที่ปีนี้ เข้ามาในตลาดทุนไทยต่ำกว่าปกติมาก นางเกศรา กล่าวว่า กระแสเงินทุนจากต่างประเทศจะยังทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีอย่างเด่นชัด และจากการท่องเที่ยวเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เติบโตขึ้นมาก รวมถึงสัญญาณการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนของไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น

มุมมองเชิงบวกดังกล่าว อาจจะผิดพลาดหรือเกิดความเป็นไปได้ที่เบี่ยงเบนไปจากที่ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเอาไว้ได้ เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ดูเหมือนว่า การใช้ความรุนแรงจะเป็นทางเลือกของการเมืองไทย ที่กลุ่มพลังในสังคมไทยเลือกเอาการใช้ทางเลือกนอกจากสันติวิธีในการเลือกมากกว่าทางเลือกอื่น

โดยเฉพาะในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ความล้มเหลวของภาคประชาชนที่จะทำความเข้าใจว่าความขัดแย้งที่สามารถหาทางออกได้โดยไม่ต้องมี “พลังพิเศษ” ถูกเพิกเฉยครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งนำไปสู่การรัฐประหารโดยกกองทัพถึง 2 ครั้ง และการใช้กติกาของผู้กำกับดูแลที่ขาดนิติธรรมชัดเจนโดยกลุ่มผู้มีอำนาจ ผลักดันให้กลุ่มตรงกันข้ามหาทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่สันติวิธีมากขึ้นเรื่อยๆ

ระเบิดที่โรงละครแห่งชาติ และระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ภายในเวลา 1 เดือน เป็นการท้าทายอำนาจรัฐของ คสช.ที่ชัดเจน และไม่มีใครเชื่ออีกต่อไปว่าจะหยุดยั้งเพียงแค่นี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าคาดเดาต่อไปอีกเช่นกันว่า จะนำไปสู่อะไร ที่ไม่ใช่ความรุนแรงที่มากขึ้นจากทั้งผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ

การโฆษณาชวนเชื่อของผู้นำกองทัพที่อ้างถึงความมั่นคงในการใช้อำนาจ คงต้องทบทวนว่า การใช้อำนาจเผด็จการเพื่อหวังบีบกดสังคมโดยอ้างเหตุผลที่คิดขึ้นมาเองอย่างอนารยะนั้น ไม่ใช่คำตอบสำหรับความสงบสุขที่ยั่งยืนแต่อย่างใด

สำหรับตลาดหุ้นไทย เสียงระเบิดวานนี้ ไม่ว่าจะจับผู้กระทำได้หรือไม่ คือสัญญาณลบล่วงหน้าว่า โอกาสของตลาดขาขึ้นในระยะกลางและยาว อาจจะไม่มีขึ้นจริง ไม่ว่าจะพยายามป่าร้องก้นเพียงใด เราะนักลงทุนไม่ว่าที่ไหน ล้วนไม่ถูกกับความรุนแรงทั้งนั้น

เหตุผลเพราะทิศทางของตลาดหุ้นไทย ไม่ได้มีแค่ปัจจัยตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอย่างเดียว