พาราสาวะถี
ยังไม่รู้ว่าบทสรุปของเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า คนร้ายที่จะจับกุมตัวได้เป็นใคร กลุ่มไหน แค่พวกรับจ้างหรือตัวการร่วม แต่อยากให้กระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รอบคอบที่สุด เพราะหากจำกันได้กรณีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ล่าสุด อัยการศาลทหารกรุงเทพ ก็มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 17 คนที่ถูกจับกุมในเวลานั้น ด้วยเหตุผลคดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง พร้อมสั่งปล่อยตัวไป
อรชุน
ยังไม่รู้ว่าบทสรุปของเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า คนร้ายที่จะจับกุมตัวได้เป็นใคร กลุ่มไหน แค่พวกรับจ้างหรือตัวการร่วม แต่อยากให้กระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รอบคอบที่สุด เพราะหากจำกันได้กรณีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ล่าสุด อัยการศาลทหารกรุงเทพ ก็มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 17 คนที่ถูกจับกุมในเวลานั้น ด้วยเหตุผลคดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง พร้อมสั่งปล่อยตัวไป
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น หากจำกันได้มีการโหมประโคมข่าวกันใหญ่โต และคนที่ถูกจับส่วนใหญ่ก็เป็นคนแก่ที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงไม่มีฤทธิ์เดชใดๆแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมองไปยังข้อกล่าวหาในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ และมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. มันก็ช่างเบาบาง เมื่อเทียบกับความพยายามของบางคนที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เกี่ยวพันกับเหตุระเบิดดังว่า
เป้าหมายง่ายๆ คือ พยายามเชื่อมโยงให้เกี่ยวพันกับกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงพวกไหน หนนี้ก็เช่นเดียวกัน หากท่านผู้นำยังปักใจเชื่อว่า เป็นฝีมือของพวกฝ่ายตรงข้าม ด้วยการจ้างพวกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเงินแค่ 500 บาท หรือที่ท่านเรียกว่าโจรห้าร้อยนั้น เกรงว่ามันจะกลายเป็นการชี้นำให้ฝ่ายปฏิบัติไขว้เขวและเป็นการทำงานผิดทางไปเสียฉิบ
บทเรียนจากการด่วนสรุป ความจริงไม่ใช่มีเฉพาะกรณีดังว่า ถ้าจำกันได้จากเหตุระเบิดราชประสงค์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดและพนักงานสอบสวนยังตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่แล้วเสร็จ สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลก็เที่ยวโพนทะนาไปแล้วว่า เป็นฝีมือของพวกที่สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมือง เรียกว่าชี้นำกันอย่างเต็มที่
แต่แล้วเมื่อบทสรุปไปอีกทาง การออกมาจีบปากจีบคอของโฆษกไก่อูวันก่อน ที่ขอร้องไม่ให้สื่อมวลชนขยายผลเรื่องระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยเกรงว่าจะกระทบต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพี อยากขอให้ช่วยกันทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก คนจำนวนไม่น้อยจึงอดที่จะสมเพชไม่ได้ว่า กระบอกเสียงรัฐบาลควรจะเตือนสติตัวเองดีกว่า
ส่วนการสืบเสาะเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น มีความเห็นจาก กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช นักวิชาการอิสระด้านการก่อการร้ายและความรุนแรง ที่น่ารับฟังว่า วิธีคิดที่ควรปรับกันใหม่จริงๆ ซึ่งเคยพูดไปหลายรอบแล้วก็คือ การยอมรับความจริงว่าประเทศไทยคือประเทศที่ไม่ได้ห่างไกลการก่อการร้าย เราอยู่กับการก่อการร้ายตลอดเวลา จงยอมรับในความจริงข้อนี้ และทรีตภัยการก่อการร้ายในฐานะการก่อการร้ายไม่ใช่ในฐานะสงคราม
แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุคือใคร แต่ในระดับหนึ่งคิดว่าต่อให้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าใครทำ (แต่สมมติฐานมันก็พอมีกันบ้างทุกคนนั่นแหละ) สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วก็คือเมสเสจที่ผู้ก่อเหตุต้องการจะสื่อถึงคือใคร ก่อเหตุในวันครบรอบ 3 ปีการรัฐประหาร ก่อเหตุในโรงพยาบาลทหาร และก่อเหตุแถวห้องวีไอพีที่ตั้งชื่อตามนามสกุลคนกุมบังเหียนด้านความมั่นคงของรัฐบาลนี้
มันชัดยิ่งกว่าชัดอยู่แล้ว แม้จะตอบไม่ได้โดยชัดเจนว่าใครทำ แต่คนที่ทำต้องการจะบอกว่าเขามีปัญหากับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลนี้เป็นพิเศษ ฉะนั้น พร้อมๆ ไปกับการประณามผู้ก่อเหตุ เราต้องกดดันให้รัฐบาลพิจารณาที่จะทบทวนท่าทีด้านนโยบายความมั่นคงตัวเองได้แล้ว ว่าที่ผ่านมามันไม่นำมาซึ่งการแก้ปัญหาอย่างไร มันทำให้ปัญหาบานปลายแค่ไหน มันควรมีทางออกอื่นอย่างไรบ้าง
แม้ว่าข้อเสนอของนักวิชาการรายนี้จะมีเหตุผลหนักแน่นเพียงใด แต่เชื่อได้เลยว่า จะไร้การตอบสนองจากฝ่ายผู้มีอำนาจ เนื่องจากตรรกะที่ใช้ประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงนั้นต่างกัน วันนี้หากไปถามท่านผู้นำไม่แน่ใจว่า คำตอบที่ได้คือการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและมาตรการเข้มงวดต่างๆ เพื่อความมั่นคงของบ้านเมืองหรือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่ต่อกันแน่
ประเด็นที่บอกว่า หากยังมีเหตุการณ์ไม่สงบก็เลือกตั้งไม่ได้ คืนประชาธิปไตยให้ประชาชนไม่ได้ เหล่านี้ล้วนมีนัยทางการเมืองทั้งสิ้น อย่างที่ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกต วันนี้หัวหน้าคสช.กำลังทำให้ประชาชนสับสน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของประเทศวันนี้ บ้านเมืองสงบ หรือไม่สงบ
เพราะคสช.เพิ่งออกมาบอกว่าผลงานเด่นสุดของคสช.ในรอบ 3 ปีคือทำให้บ้านเมืองสงบ แต่พอเกิดเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หัวหน้าคสช.กลับออกมาบอกว่า ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ จะไม่มีการเลือกตั้ง แล้วใช้อะไรเป็นปัจจัยชี้วัดหรือเกณฑ์การประเมินว่าแบบไหนถึงเรียกว่าสงบหรือไม่สงบ เพราะแม้แต่ประเทศแม่แบบประชาธิปไตยอย่างอังกฤษ เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ก่อการร้าย ก็ยังเดินหน้าเลือกตั้งต่อ
คำถามสำคัญ ด้วยตรรกะถ้าบ้านเมืองไม่สงบจะไม่มีการเลือกตั้ง หากมีระเบิดหรือมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก การเลือกตั้งมิต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ หรือ อย่างไรก็ตาม ต้องปรบมือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ล่าสุดหลายรายที่พูดอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นตัวนำ ทำให้สังคมสับสน เหมือนฝ่ายการเมืองบางคนที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัว พาดพิงพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ความไม่ชอบมาพากลบางอย่างคงยากที่จะปกปิดได้ คนที่น่าจะให้คำตอบกับสังคมได้ดีหรือน่าจะตอบคำถามให้กับตัวเองได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็คือ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง เหล่านี้คือบททดสอบงานด้านความมั่นคงหรือเป็นเรื่องการดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือเฉพาะตัวบุคคล ใครกันที่อำมหิต เชื่อแน่ว่าบิ๊กป้อมน่าจะรู้ดีที่สุด
จากคำตอบดังกล่าว ไม่ใช่จะเป็นเพียงการอธิบายถึงความใจร้ายใจดำของบางคนบางพวกเท่านั้น แต่มันหมายถึงงานด้านการสร้างความปรองดอง ที่พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์รับหน้าเสื่อดูแลอยู่ ระเบิดตูมเดียวมันอธิบายหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ในใจของใครบางพวกบางคนได้ เมื่อยังเต็มไปด้วยอคติ คิดแต่พวกเขาพวกเรา แล้วบ้านเมืองมันจะเดินไปสู่จุดสร้างสมานฉันท์อย่างไร สัญญาประชาคมที่วาดฝันไว้สวยหรูจะจบได้ในเดือนมิถุนายน จึงเป็นเพียงหวังลมๆ แล้งๆ หรือถ้ามัดมือให้มาลงนามกันได้ก็แค่ปรองดองอุปโลกน์เท่านั้น