เส้นทางนักลงทุน : กำไร Q1/60! กลุ่มอสังหาฯหงอย (ส่วนใหญ่)
สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีความน่ากังวล จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่อยู่ในภาวะถดถอย ทำให้ตลาดอสังหาฯของไทยซบเซามาอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา มีสต๊อกอสังหาฯที่ยังคงค้างหลายหมื่นยูนิตจนมาถึงปัจจุบัน
พร้อมกับมีเรื่องที่น่าห่วงต่อ คือมีปัจจัยลบอยู่ 4 ด้าน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ, การไม่อนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน, กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างมาก และสงครามราคาของผู้ประกอบการอสังหาฯ ล้วนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการกลุ่มอสังหาฯนั่นเอง
เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 พบว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผู้ประกอบการก็ว่าได้ เพราะภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาสแรกกลุ่มพัฒนาอสังหาฯหดตัว 14% จากหุ้นในกลุ่มนี้กำไรหดตัวเสียส่วนใหญ่ เพราะเกิดจากยอดโอนที่น้อยกว่าคาดในไตรมาส 1 คาดว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพราะต้องเร่งโอนบ้าน
สำหรับข้อมูลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์) ที่มีการซื้อขายในตลาดรอง SET แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯอัพเดตงบไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 พบว่า บริษัทที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ROJNA, UV, AMATA, BROCK, ORI, GOLD, AP, CPN, LALIN และ PLAT
ส่วนบริษัทที่พลิกมีกำไรสุทธิ จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ ได้แก่ NOBLE, NNCL, WIN, U และ NCH ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ PRIN, ANAN, SIRI, LH, QH, MBK, SF, ESTAR, WHA, PSH, SPALI, SENA, A, LPN, RML, TICON, S, MK, GLAND, RICHY, BLAND, SC, PF, APX และ AMATAV
นอกจากนี้ บริษัทขาดทุนสุทธิลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ ได้แก่ NUSA, PRECHA, KWG อีกทั้งบริษัทขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ ได้แก่ EVER, TFD, CGD และบริษัทที่พลิกขาดทุนสุทธิ จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ ได้แก่ SAMCO, CI, J, MJD, PRINC และ PACE
พบว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ยังคงเจอวิกฤติ เนื่องจากกำไรส่วนใหญ่ซบเซา
ส่วนบริษัทที่ดันกลับทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ แบบก้าวกระโดด (วัดจากเปอร์เซ็นต์เปลี่ยนแปลง) ดั่งตัวอย่างเช่น NOBLE ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถพลิกทำกำไรได้ 894.93 ล้านบาท หรือ 1.96 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 137.90 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโนเบิลเพลินจิต
ต่อมา UV ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถทำกำไร 418.95 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 114.33 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากรายได้ขาย บริการและให้เช่าเพิ่มขึ้น
ขณะที่ AMATA ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถทำกำไร 250.63 ล้านบาท หรือ 0.24 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 80.27 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น โดยปัจจัยหลักเกิดจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม
ส่วน ORI ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถทำกำไร 171.93 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.31 ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 59 จำนวน 4 โครงการ และมีโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนมีนาคม 2560 จำนวน 1 โครงการ
รวมถึง GOLD ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สามารถทำกำไร 304.86 ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 201.39 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากการขายอสังหาริมทรัพย์จากโครงการที่เปิดใหม่ 3 โครงการ, รายได้จากการให้เช่าและบริการ และรายได้ค่าการจัดการเพิ่มขึ้น
ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิทั้งหมดหมวดพัฒนาอสังหาฯ ดูรายละเอียดที่น่าสนใจจากตารางประกอบ
เพราะส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบกำลังซื้อที่ซบเซาในกลุ่มลูกค้าระดับล่างและการแข่งขันสูง ซึ่งผลกระทบดังกล่าวยังคงสร้างแรงกดดันให้กับกำไรไตรมาส 1/60 ของหลายๆ บริษัท
แต่นักวิเคราะห์บางรายคาดจะเป็นจุดต่ำสุดในรอบปี และความเชื่อว่ากำไรจะค่อยๆ ฟื้นตัว หรือแม้แต่ขึ้นทำจุดสูงสุดในปลายปีนี้ก็เป็นได้