จับมือต้าน 4 คำถาม

ข้อเสนอปู่พิชัย รัตตกุล ที่ให้ 4 พรรคใหญ่ “จับมือต้านพรรคทหาร” แม้เป็นความปรารถนาดี แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ พรรคการเมืองไม่ใช่คณะลิเก โดยเฉพาะประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย ต่างก็มีฐานมวลชนกว้างใหญ่ที่คิดต่างคนละขั้ว เคยต่อสู้ฟาดฟันจนมีบัญชีหนี้เลือดต้องสะสางเพื่อความยุติธรรม ต่อให้นักการเมืองอยากจูบปาก มวลชนก็ร้องยี้ ต้มคนดูแบบนี้ Vote No เสียดีกว่า


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง 

ข้อเสนอปู่พิชัย รัตตกุล ที่ให้ 4 พรรคใหญ่ “จับมือต้านพรรคทหาร” แม้เป็นความปรารถนาดี แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ พรรคการเมืองไม่ใช่คณะลิเก โดยเฉพาะประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย ต่างก็มีฐานมวลชนกว้างใหญ่ที่คิดต่างคนละขั้ว เคยต่อสู้ฟาดฟันจนมีบัญชีหนี้เลือดต้องสะสางเพื่อความยุติธรรม ต่อให้นักการเมืองอยากจูบปาก มวลชนก็ร้องยี้ ต้มคนดูแบบนี้ Vote No เสียดีกว่า

ข้อเสนอที่ว่าอาจเป็นได้ ถ้าวางเงื่อนไขหลวมๆ เช่นใครชนะที่หนึ่ง อีกฝ่ายโหวตให้เป็นนายกฯ แล้วถอยไปเป็นฝ่ายค้าน โดยมีข้อตกลงเฉพาะหน้า ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญบางประเด็น เช่นเลิก ส.ว.แต่งตั้ง ปลดล็อกต่างๆ ที่ขวางอำนาจจากการเลือกตั้ง ทำให้รัฐธรรมนูญแก้ง่าย ฯลฯ เสร็จแล้วยุบสภาไปสู้กันใหม่

ว่าแต่ ปชป.จะเอาหรือ ในเมื่อพวก  กปปส.ที่เพิ่งกลับเข้าพรรค ก็แสดงจุดยืนราวกับ “พรรคทหาร” มาตลอด 3 ปี

กระนั้นในความเป็นไปไม่ได้ ปู่พิชัยก็จุดพลุ “จับมือต้านทหาร” ซึ่งน่าจะทำให้การต่อท่ออำนาจ หรือความคาดหวังจะเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง ของทหารคนใดก็ตาม เผชิญแรงเสียดทานอย่างหนัก

คิดง่ายๆ นะครับ แต่ละพรรคที่ลงเลือกตั้ง คงถูกถามว่าจะเลือกทหารเป็นนายกฯ หรือเปล่า คงมีกระแสบีบให้ยืนยัน ทำสัตยาบัน หรือกระทั่งดื่มน้ำสาบานว่าจะไม่ “เสียสัตย์” ให้แยกขั้วกันชัดๆ ใครเอาใครต้านทหาร แล้วนับคะแนนในการเลือกตั้ง

เหนื่อยนะนั่น มิน่า ถึงไม่อยากไปสู่เลือกตั้ง

ว่าที่จริง แรงเสียดทานก็เริ่มหนักแล้ววันนี้ หลังคำถาม 4 ข้อถูกมองว่าถามนำเพื่ออยู่ต่อ ไม่ใช่แค่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่วิพากษ์วิจารณ์ วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ก็ตอบตรงๆ ว่าถ้ารัฐบาลนี้จะอยู่ต่อก็ต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นธรรมาภิบาล ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่มองแต่รัฐบาลเลือกตั้งว่าไม่มีธรรมาภิบาล

ช่วงม็อบลุงกำนันไล่ “อีปู” คุณตู่วรวรรณสนับสนุนม็อบอย่างชัดเจนนะครับ แต่วันนี้บอกว่าเรื่องที่ต้องปฏิรูปมากที่สุดคือระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ แล้วทิ้งท้ายว่า ทำได้ก็อยู่ต่อ ทำไม่ได้อย่าอยู่เลย

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็บอกว่า 4 คำถามย้อนกดดันตัวเอง คสช.ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าตอบไม่ได้แปลว่าล้มเหลว

แหม ท่านไม่ตอบแล้วนี่ครับ ท่านปิดปาก แล้วเขียนโพยตอบสื่อ

ไปๆ มาๆ 4 คำถามเหมือนแหย่รังแตน ทำให้คนเหลืออด จากที่อดทนอดกลั้น เอาน่า นับถอยหลังสู่เลือกตั้งทนๆ หน่อย แต่พอท่านผู้นำตั้งแง่ ตั้งท่า ถูกมองว่าอยากอยู่ต่อ ผู้คนก็เหลืออดจนต้องโวย

ถามจริง ถึงวันนี้มีใครบ้างอยากให้รัฐบาลอยู่ต่อ อยู่นานๆ นอกจากพุทธอิสระกับสุเทพ เทือกสุบรรณ แม้คนทั่วไปยังไม่ถึงกับมองว่าย่ำแย่เลวร้าย แต่ก็เบื่อหน่าย อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เต็มที ลองดูโพลล์ต่างๆ ที่ออกมาช่วงหลัง แม้อยู่ในยุคที่ยังปิดกั้น สื่อต่างๆ มีแต่ “ข่าวสารของทางราชการ” ชาวบ้านก็ยังบ่น โพลล์บางสำนักบอกว่ายังมีคะแนนนิยม แต่ก็ตกลงไป อ่านรหัสให้ดีจะเห็นว่าโพลล์ยังเกรงใจ

4 คำถามถึงวันนี้ชาวบ้านไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะหมดความหมายแล้ว ใครจะเชื่อคำตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรม คำตอบจริงๆ ผ่านกระแสสังคมคืออย่าอยู่นาน เดี๋ยวจะเกิดการจับมือต้านขึ้นจริงๆ

Back to top button