ระวังโดนหลอก?

*ถามว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแย่กว่าที่เป็นอยู่มีเรื่องอะไรบ้าง? “โมนิก้า” ขอตอบว่า ก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอก เพียงแต่นักลงทุนกลุ่มไหนจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการเทขายหุ้น ก็เป็นสิทธิ์ของนักลงทุนกลุ่มนั้นที่จะเม้าท์ถึงเรื่องดังกล่าว เดี๊ยนในฐานะคนชอบอ่านเกมตลาดหุ้นในช่วงผันผวนเป็นชีวิตจิตใจ ย่อมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผิดแผกไปจากที่ควรจะเป็นเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ถามว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแย่กว่าที่เป็นอยู่มีเรื่องอะไรบ้าง? “โมนิก้า” ขอตอบว่า ก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอก เพียงแต่นักลงทุนกลุ่มไหนจะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการเทขายหุ้น ก็เป็นสิทธิ์ของนักลงทุนกลุ่มนั้นที่จะเม้าท์ถึงเรื่องดังกล่าว เดี๊ยนในฐานะคนชอบอ่านเกมตลาดหุ้นในช่วงผันผวนเป็นชีวิตจิตใจ ย่อมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผิดแผกไปจากที่ควรจะเป็นเจ้าค่ะ

*สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดเป็นลำดับแรกคือ ดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง  1,572.15 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,568.57 จุด เหลือบวกแค่ 0.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.36 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนการลงทุนระยะสั้นๆ ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และตัวแปรที่ทำให้เป็นเช่นนั้นมาจากความหวาดวิตกกังวลของนักลงทุนบางกลุ่ม “โมนิก้า” ถึงไม่ขอโทษว่า ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ดัชนีวนเวียนอยู่ที่เดิมไงล่ะค่ะ

*เนื่องจากข้อมูลตัวเลขที่แสดงออกมาในคราวนี้กลายเป็น กองทุนขายหุ้นออกไป 435  ล้านบาท ฝรั่งตาน้ำข้าวขอเก็บอีก 4.82 พันล้านบาท ขณะที่ปอบผีฟ้าช่วยเก็บอีก  503 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าก็ขายทำกำไรอีก 4.98 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถึงมองประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงแค่เกมการเงิน แต่ละฝ่ายพยายามหาเหตุผลมาบอกให้คนอื่นคล้อยตามตนเองก็เท่านั้นเองค่ะ

*สิ่งที่ต้องตามให้ทันอย่างหนึ่งคือ การเคลื่อนตัวของดัชนีตั้งแต่ต้นปี 60 จนถึงวันนี้มีรูปแบบเป็นลักษณะ w-shape ก็จริง แต่ในภาพดังกล่าวยังแฝงไว้ด้วยเรื่อง การเด้งกลับยังอยู่ในกรอบเดิมๆ  หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นมานิดหนึ่งคือ ไซด์เวย์!  และจังหวะดังกล่าวก็เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทยอยเก็บของเข้าพอร์ต หลังจากนั้นจะไปเทขายหุ้นเมื่อดัชนียกตัวสูงขึ้นเจ้าค่ะ

*งานนี้อยู่ที่นักเล่นมองยุทธวิธีดังกล่าวเป็นการ “หลอกให้ตายใจ” หรือ “ตั้งใจหลอก” เพราะบางกระแสบอกอย่างนั้น บางกระแสบอกอย่างนี้ แต่สุดท้ายอยู่ที่จังหวะใครเร็วกว่ากัน เหตุผลเรื่องเกิดความไม่มั่นใจ แล้วนำไปสู่การเทขายหุ้นทิ้ง มันเกิดขึ้นมาแล้วหลายรอบ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่กองทุนใหญ่เข้ามาซื้อๆ ขายๆ ในช่วงที่ความชัดเจนต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมพะยะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ IVL ถ้ามองภาพรวมของหุ้นขนาดใหญ่ทั้งตลาด เหมือนอยู่ในอาการ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” หุ้นขึ้นได้ 2-3 วัน หลังจากนั้นรูดลงอย่างเดียว แต่สำหรับรายนี้ก็เป็นเช่นนั้นจริง ราคาหุ้นยังขยับขึ้นพรวดพราด พร้อมกับเกิดความหวังว่า หุ้นจะขึ้นไปทำ new high ในวัดถัดไป พอเอาเข้าจริงดันอ่อนตัวลงมาปิดที่  37.50 บาท ลบไป 0.50 บาท  ด้วยมูลค่า 1.26 พันล้านบาท บอกได้ทันทีว่า นี่คือด่านทดสอบกำลังใจหล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ DTAC หลังจากพลิกแนวต้าน 46 บาทกลายเป็นแนวรับ จากนั้นพยายามไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 47.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 4.40%  ด้วยมูลค่า 2.40 พันล้านบาท  “โมนิก้า” เม้าท์ต่อได้ทันทีว่า “มีลุ้น” เพราะปิดเขียวมา 2 แท่ง มีโอกาสปิดเขียวอีกแท่ง ขณะเดียวกันถ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ 2 ครั้งเป็นลักษณะ เขียว 2 แดง 1 มันเป็นข้อมูลที่ทำให้นักเล่นต้องคิดมากเป็นพิเศษ งานนี้มองได้ทั้งในส่วนของ “โอกาส” กับ “วิกฤต” ขึ้นอยู่ว่าจะมองแบบไหน?

*อีกหนึ่งรายที่ต้องผจญกับดาวเคราะห์เรียงตัวคงหนีไม่พ้น EARTH ก่อนหน้านี้หุ้นโดนเขย่าแบบหนักๆ 2-3 ครั้งด้วยกัน จนหลายคนเกิดอาการหลอนทางจิตอย่างเห็นได้ชัด ครั้นจะไล่ราคาตามกระแส ก็เกรงจะไปเข้าทางปืนของคนบางกลุ่ม หุ้นถึงแกว่งตัวฉวัดเฉวียนตลอดเวลา ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 2.30  บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาท ตามตำราเขาหมายถึงจังหวะ follow นะจะบอกให้

*เหมือนกับหุ้นกลุ่มยาง ORI ยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักโหนกระแส ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า ต้องเน้นสั้นๆ เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน เรื่องตัวเลขจะสวยตลอดปียังต้องดูกันแบบไตรมาสต่อไตรมาส จึงไม่ใช่หุ้นที่เหมาะสำหรับพวกโลกสวย  ล่าสุดหุ้นปิดที่ 15.10 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่า 313 ล้านบาท ทราบแล้วเปลี่ยน!

*เฉกเช่นเดียวกับในรายของ CPR ถ้าดูตามเนื้อผ้าที่ตัดเย็บมาเป็นเวลา 1-2 ปี “โมนิก้า” ต้องออกตัวแรงว่า “ไม่ได้เรื่อง” ผลกำไรไม่ได้สวยหรูกว่าที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ และเลวร้ายสุดอยู่ที่การขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้เกิดจากอะไร ก็ยังไม่มีใครรู้เลยสักราย ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่  7.20 บาท บวกไป  0.55 บาท หรือขึ้นไป 8.30%  ด้วยมูลค่า 157 ล้านบาท เดี๊ยนถึงบอกตรงๆ น่ากลัวสุดๆ นะเนี่ย

*น่าเสียดายที่ประเด็นดังกล่าวไม่ระแคะระคายดาวเด่น THANA แม้แต่นิดเดียว ราคาหุ้นยังคงมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ และไม่มีใครรู้ว่า จะไปถึงระดับไหน? ของทุกอย่างที่ปรากฏให้เห็นเกิดจากตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ปี 60 ออกมาสวยหรู เจ้ามือเลยช่วยบิ้วด์อารมณ์ให้ดูสมจริงสมจังว่า ของเขาดีจริง? หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.72  บาท บวกไป 0.48 บาท หรือขึ้นไป 14.80%  ด้วยมูลค่า 580 ล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า บางทีคำอธิบายก็เวอร์ไปหน่อยนะคะ

Back to top button