U หัวคว่ำ

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้ “โมนิก้า” กำลังซุ่มอ่านตำราสัญญาณเทคนิคมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนทางที่ทำให้เดี๊ยนมองเห็นรูปแบบการเคลื่อนตัวของดัชนี และหุ้นรายตัวได้ค่อนข้างชัดเจน จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวมากเป็นพิเศษ เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่เอื้อเท่าที่ควร เลยต้องหาทางออกด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ ให้เป็นประโยชน์มากสุดเท่าที่จะทำได้นะจะบอกให้

*สิ่งที่ต้องคิดถัดมาก็คือ การเคลื่อนตัวตอนนี้เป็นลักษณะ U หัวคว่ำ จึงทำให้รู้ว่า ดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,563.11 จุด บวกไป 1.45 จุด ด้วยมูลค่า 4.11 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการชะลอตัวในช่วงขาลง และต้องจับตาดูกันต่อไปว่า วันนี้จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีอีกหรือเปล่า? หากไม่มีเข้ามาเลย ดัชนีจะทรุดตัวลงไปยังกรอบแนวรับ 1,530 จุดเป็นครั้งที่ 3 หากมีเข้ามาพอหอมปากหอคอ สถานการณ์ก็จะทรงตัวพะยะค่ะ

*ประเด็นที่น่าสนใจคือ กองทุนตัวแสบยังคงเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายทิศทางของดัชนี แถมวันไหนที่เข้ามาเก็บหุ้นหนักๆ วันนั้นได้เห็นหุ้นบางตัวลิงโลดกันแบบสุดๆ ขณะเดียวกันก็อาจเห็นหุ้นบางตัวโดนทิ้งอย่างหนักหน่วงเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้ผู้เล่นรู้จักปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน หลังข้อมูลหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้น่ะสิ

*ผิดคาดคงเป็นในรายของ AOT ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่ชาวบ้านชาวช่องโดนถล่มเสียจนยับเยิน “โมนิก้า” ถึงกับมีอาการเหวอไปเหมือนกัน จากหุ้นที่เคยทำท่าย่ำฐานอยู่แถวๆ 40 บาท ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 44  บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 3.14 พันล้านบาท  เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าจะขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมนะจ๊ะ

*อีกหนึ่งรายก็คือ PK  กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.25 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 10.70% ด้วยมูลค่า 420 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 1 ปี 9 เดือน “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่มีคนเฮโลตามกันไปเยอะแยะ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่เหมือนกันว่า ไตรมาส 2 จะเบ่งตัวเลขกำไรได้ตามเป้าไหม? หากคิดว่า สบายบรื้อ..สะดือโบ๋ ก็เดินหน้าลุยเข้าไปเลยพะยะค่ะ

*ส่วนในรายของ PTG  ทำติ๋มๆ เงียบๆ เหมือนจะไม่มีแรงฮึดสู้ จู่ๆ วิ่งขึ้นมาปิดที่ 22.40 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 495 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเมนต์ที่น่าตามไปดูไม่ใช่น้อย หลังหุ้นขึ้นมายืนทาบแนวต้านครั้งก่อนอีกครั้ง แถมรอบนี้เป็นการทะยานขึ้นพร้อมกับวอลุ่มที่หนาแน่น เดี๊ยนถึงมองหุ้นตัวนี้เป็นโอกาสทองสำหรับคนที่ชอบความท้าทายในชีวิตเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ GUNKUL ทรุดตัวลงมาปิดที่ 4.24 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 6.20% ด้วยมูลค่า 2.74 พันล้านบาท  “โมนิก้า” ถือว่า เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเป็นข้อถกเถียงที่เซียนสำนักต่างๆ กำลังพูดถึงอย่างกว้างขวางว่า ดีลขายหุ้นรอบนี้ใครได้ประโยชน์? ระหว่างกลุ่มผู้ถือใหญ่ กับ ธ.ไทยพาณิชย์..เหล่านี้เป็นเรื่องที่หลายคนกำลังรอคอยคำตอบ ส่วนจะได้คำตอบหรือไม่..อันนี้ต้องดูกันต่อไปนะคะ

*ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองหันมาดู SAMART อีกสักตั้งก็ได้มั่ง! หลังหุ้นพยายามกระชากฝ่าแนวต้าน 16 บาท สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ วานนี้เลยพยายามอีกครั้งด้วยการเด้งขึ้นมาปิดที่ 15.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4%  ด้วยมูลค่า 111 ล้านบาท แถมปรากฏสัญญาณแท่งเขียวเต็มแท่ง มันเป็นจังหวะที่ต้องดูกันวันต่อวัน หากวันนี้มีแรงซื้อเข้ามาดันเป็นจำนวนมาก โพสิชั่นของหุ้นจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง..หากไม่ใช่อย่างที่คิด ก็ตัวใครตัวมันเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ UBIS มีลักษณะคล้ายคลึงกันทุกอย่าง แถมเที่ยวนี้เป็นการทะยานขึ้นแบบมีวอลุ่ม บรรดากองเชียร์เลยเชื่อว่า หุ้นจะไปต่อ! เผอิญเดี๊ยนเป็นคนที่ชอบมองอะไรบนพื้นฐานความเป็นจริง จึงขอถามกลับไปว่า เมื่อ 2 ปีก่อนเคยดันหุ้นขึ้นไป 11 บาท ต่อจากนั้นปล่อยหุ้นร่วงลงมาเรื่อยๆ จนลงมากองแถว 5-6 บาท มันใช่เรื่องที่น่าสนับสนุนหรือเปล่า? เลยอยากให้ไปคิดดูว่า หุ้นปิดที่ระดับ 8.10 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 26.60% ด้วยมูลค่า 380 ล้านบาท  มันจะไปต่อได้จริงเหรอ?

*เม้าท์ถึงเรื่องจริงๆ หลอกๆ ขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” หันไปมองหุ้นเจ้าปัญหา IFEC ในทันที โดยเหตุผลของการเม้าท์ถึงในเที่ยวนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เห็นคนบางคนที่มีนิสัย ตีหน้าเศร้า..เล่าความเท็จ เลยรู้สึกเอียนกับคำโป้ปดของคนเหล่านี้ และสมควรที่คนเหล่านี้จะโดน ตลท. เล่นงาน!  เดี๊ยนจึงขอปรบมือให้กับดอกไม้เหล็กของตลาดหลักทรัพย์ฯ  “เกศรา” ซึ่งเป็นคนสั่งให้ “หมอวิชัย” รีบแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบให้ครบ..หากทำไม่ได้ตามที่สั่ง งวดนี้โดนไม้เรียวหวดก้นกลมๆ แน่นอนเจ้าค่ะ