พาราสาวะถี

พาราสาวะถี:อรชุน

 

สร้างปรากฏการณ์ช็อกซีนีม่าไปตามๆ กัน เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ของสนช. มีมติหักดิบให้กกต.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะหรือเรียกให้โก้ๆ ว่าเซตซีโร่ จากเดิมที่ยังยักแย่ยักยันว่าจะจัดการอย่างไร ให้เหลืออยู่แค่บางคนที่คุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญใหม่หรือจะให้อยู่ต่อทั้งคณะ

แต่ปรากฏว่าหวยกลับมาออกที่เซตซีโร่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ชายเดี่ยว แสดงความผิดหวังอย่างสุดๆ ด้วยถ้อยแถลงที่ว่า เป็นสถานการณ์ที่ยิ่งกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ตนประเมินไว้ เป็นเรื่องที่เกินความคาดคิด แต่ก็ต้องขอขอบคุณคณะกรรมาธิการที่ยังให้กกต.ชุดนี้ทำหน้าที่รักษาการต่อไปจนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่ คาดว่าจะมีเวลาทำงานที่เหลืออีก 4-6 เดือน

ส่วนกกต.อีก 4 รายนำโดย ศุภชัย สมเจริญ ยืดอกยอมรับพร้อมปฏิบัติตามหากที่ประชุมสนช.ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้เห็นชอบผ่านกฎหมายตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการ ด้าน มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็แสดงอาการลิงโลดดีใจ ถึงกับยกยอปอปั้นคณะกรรมาธิการเด็ดขาดกว่ากรธ. กล้าที่จะฟันธงเลือกแบบชัดเจน ไม่ต้องแทงกั๊ก

เพราะที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องคุณสมบัติหรือการอยู่ต่อของกกต.นั้น กรธ.มีความกังวลเรื่องโครงสร้างของกกต.ที่เปลี่ยนไป จำนวนกรรมการกกต.ก็เปลี่ยน โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนกกต.อีก 2 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มาจากฝ่ายกฎหมาย เพื่อเพิ่มความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย หรือกฎระเบียบที่กกต.กำหนดไว้ในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การพิจารณาของกรธ.ที่ผ่านมาไม่ได้กำหนดเรื่องเซตซีโร่กกต.ชุดปัจจุบันเอาไว้ เพราะความกังวลว่า เมื่อถึงเวลาคัดเลือกกกต.เพิ่มอีก 2 คน จะคัดเลือกอย่างไร เพราะ 2 คนที่เพิ่มขึ้นมานั้นเป็นฝ่ายกฎหมาย แต่ในกกต.ชุดปัจจุบันก็มีฝ่ายกฎหมาย ดังนั้น จะกำหนดกันอย่างไร ระหว่างให้กกต.ฝ่ายกฎหมายชุดปัจจุบันเป็นตัวแทนทั่วไป หรือจะให้มีตัวแทนฝ่ายกฎหมายเพิ่มขึ้นจึงไม่สามารถหาข้อสรุปได้

เมื่อกรรมาธิการฯของสนช.ใช้ความใจกล้ามีมติให้กกต.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ปัญหาที่กรธ.เป็นกังวลย่อมหมดไป ขณะเดียวกันมีชัยยังได้การันตีต่อว่า การเซตซีโร่กกต.ชุดปัจจุบันทั้งคณะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญวางหลักไว้ว่า จะให้กกต.อยู่ไปจนครบวาระหรือไม่นั้นให้เป็นไปตามกฎหมายลูก

ยืนยันกันอย่างนี้ จึงมองไม่เห็นเหตุที่จะเกิดข้อขัดแย้งระหว่างกรธ.กับสนช.ในประเด็นร่างกฎหมายกกต. เช่นเดียวกับการย้ำว่ามติเซตซีโร่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เสมือนเป็นการปิดทางที่จะให้กกต.หรือใครก็ตามจะไปยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะคนร่างกฎหมายมากับมือระบุชัดขนาดนี้ แล้วมันจะมีปัญหาได้อย่างไร

ถ้าจะต้องจบกันแบบนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับกกต.ชุดนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งยังไม่ได้โชว์ผลงานจัดการเลือกตั้งใหญ่ๆ ให้เห็น เนื่องจากการเลือกตั้งหลัง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 กกต.ชุดนี้ก็ทำตัวเป็นพวกไม่อยากจัดการเลือกตั้งไปเสียอย่างนั้น พอเกิดรัฐประหารเลยไร้โอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือในการดูแลแก้ปัญหาการเลือกตั้ง

ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นตราบาปติดตัวกันไปหรือไม่อย่างไร แต่อย่างน้อยก็จงภูมิใจเถิดว่าทั้ง 5 เสือกกต.นั้น ได้เป็นผู้ที่ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจต่ออำนาจเต็มมือที่มีเมื่อคราวจัดการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ปล่อยให้ม็อบผู้ยิ่งใหญ่ไปปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งจนถูกองค์กรอิสระบางแห่งที่ลับมีดรออยู่แล้ว สั่งให้การจัดการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

มิหนำซ้ำ ยังมีวาทกรรมทำงานใหญ่ให้ต้องเอียง แม้จะเป็นคำพูดของคนเพียงคนเดียว แต่ก็มีผลผูกพันกกต.ทั้งคณะ เนื่องจากเมื่อนำไปประกอบกับท่าทีที่แสดงออกกันแล้ว มันฉายภาพได้ชัดเจนว่าคนที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งของประเทศได้ทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อพาบ้านเมืองข้ามพ้นวิกฤติตามวิถีของประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นหรือไม่ หากเปรียบเป็นมวยก็ต้องยอมรับความจริงกันว่า ทั้ง 5 เสือเป็นพวกมวยล้มต้มคนดูชัดๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจต่อเนื่องจากการเซตซีโร่กกต.ก็คือ ตรงนี้จะเป็นบรรทัดฐานของการจัดระเบียบองค์กรอิสระอื่นหรือไม่ ฟังจากมีชัยแล้วคงไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น มีการอ้างลักษณะงานของแต่ละองค์กรที่แตกต่างกัน จึงนำมาเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ก็หลุดมาว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหรือกสม.มีสิทธิที่จะถูกเซตซีโร่เป็นองค์กรต่อไป

เหตุผลของมีชัยคือ เพราะมีปัญหาเรื่องที่มาของกสม. แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ รีบออกตัวเสียแต่เนิ่นๆ กันเลยทีเดียว แม้ว่าข้ออ้างที่หยิบยกมาชี้อาจจะฟังดูมีเหตุมีผล ทว่าคนจำนวนไม่น้อยคงอดสงสัยไม่ได้ว่า กสม.ชุดปัจจุบันทำงานหลายเรื่องก็ถือว่าเข้าตาประชาชน โดยเฉพาะการปกป้องสิทธิ เสรีภาพ เหตุนี้หรือเปล่าคือปัจจัยที่แท้จริงซึ่งจะนำไปสู่การถูกโละทั้งคณะ

ท่านผู้นำช่วงนี้ปิดปากงดให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือออกอาการปรี๊ดแตกจากการถูกซักเรื่อง 4 คำถามหลังเลือกตั้ง ล่าสุด พูดผ่านรายการเดิมเมื่อคืนวันศุกร์เป็นโจทย์ใหญ่ให้หลายคนต้องนำไปตีให้แตก บิ๊กตู่ท่านว่า สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองไม่กระเตื้องเสียที เป็นเพราะตัวเองมุ่งมั่นกับการปราบโกงอย่างหนัก ตรรกะของท่านผู้นำก็คือ เมื่อปราบโกงหนักข้อมันก็คือการตัดท่อของการที่จะนำเงินส่วนนี้ไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ไม่รู้ว่าท่านคิดเองหรือใครเขียนสคริปต์ให้ หากคิดว่านั่นเป็นปัจจัยหลักจริงๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองไม่ยอมโงหัวเสียที สงสัยคงต้องไล่คนแนะนำหรือวางแผนทิ้งไปให้หมด บรรดานักธุรกิจใหญ่ทั้งหลายที่ไม่ได้ไปอิงแอบกับอำนาจเผด็จการคงส่ายหน้ากันเป็นแถว เห็นอาการอย่างนี้แล้วต้องยอมรับว่า ภาพของคำโบราณที่บอกรำไม่ดีโทษปี่โทษกลองนั้นมันเด่นชัดขึ้นมาทันทีทันใด