วุ่นไม่เลิก!
*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วงผันผวน มีเรื่องให้แมงเม่าได้ปวดหัวเป็นประจำนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผู้เล่นทำใจมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย เพราะแต่ละเรื่องที่กำลังกลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” ล้วนอยู่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น วันนี้ถึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไปตามสภาพ หลังจากไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่น่ะสิ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน,
*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วงผันผวน มีเรื่องให้แมงเม่าได้ปวดหัวเป็นประจำนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผู้เล่นทำใจมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย เพราะแต่ละเรื่องที่กำลังกลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” ล้วนอยู่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น วันนี้ถึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไปตามสภาพ หลังจากไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่น่ะสิ
*เหมือนกับปัญหาความวุ่นวายของกลุ่มประเทศอาหรับที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่คนทั่วไปยากจะหยั่งถึง เพราะสิ่งที่เห็นในเวลานี้เป็นเรื่องของการโดดเดี่ยวกาตาร์ จึงไม่มีใครรู้ว่า ปัญหาดังกล่าวจะแผ่ขยายวงกว้างไปขนาดไหน? แมงเม่าถึงต้องรู้จักเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละวันไงล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้เพิกถอนระเบียบของ ส.ป.ก. หลังจากยินยอมให้นำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจึงแจ้งให้ผู้รับสัมปทานทุกรายหยุดการผลิตปิโตรเลียมชั่วคราวนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นบางตัวอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงต้องการให้ผู้เล่นตื่นตัวตลอดเวลาในช่วงที่ทุกอย่างยังไม่นิ่งนะคะ
*ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่ดัชนีทิ้งตัวลงแรง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 1,566.85 จุด ลบไป 0.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.36 หมื่นล้านบาท เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ยึดหลัก “ขายก่อนปลอดภัย” ส่วนคนที่เห็นต่างก็กระโจนเข้ามารับหุ้นด้วยความเต็มใจ เดี๊ยนถือเป็นสีสันการลงทุนที่บอกให้นักเล่นรู้ว่า บางคนยังมองวิกฤติเป็นโอกาส จึงต้องดูกันต่อไปว่า เดาถูกไหม?
*ส่วนที่โดนผลกระทบเต็มๆ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่พี่เบิ้มอย่าง PTT ถูกกระหน่ำเทขายอย่างหนัก จนหุ้นรูดลงมาปิดที่ 383 บาท ลบไป 8 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 3.39 พันล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทุกคนก็ต้องอยู่กับเรื่องดังกล่าวให้ได้ จึงขอแนะนำให้จับตาดูจุดเด้งกลับที่บริเวณแนวรับ 380 บาทเอาอยู่หรือเปล่า?
*สำหรับในรายของ PTTEP ไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกแล้ว หลังเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า นี่เป็นช็อตถอยเต็มตัว บวกกับทั้งวันมีแรงเทขายออกตลอดเวลา จนสุดท้ายหุ้นลงมาปิดที่ 86.75 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่า 2.75 พันล้านบาท ถือเป็นสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีเอามากๆ บวกกับหุ้นเคยเปิดแก๊ปทิ้งไว้แถว 81 บาท จึงน่าจะไปรอดูสถานการณ์ตรงนั้นอีกทีนะคะ
*อีกหนึ่งรายที่สถานการณ์ไม่ค่อยจะโอเคสักเท่าไหร่ “โมนิก้า” คงต้องโฟกัสไปที่เจ้าพ่อสื่อสาร ADVANC หลังราคาหุ้นรูดลงมายืนปิดที่ 171 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 3 พันล้านบาท สะท้อนถึงการปรับพอร์ตของกองทุนตัวแสบเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง และจังหวะนี้อย่าเข้าไปแหยมเป็นอันขาด เพราะแรงเทขายดูหนาแน่นผิดปกติ แม้ก่อนหน้านี้หุ้นจะเด้งตรงบริเวณ 168 บาท แต่รอบนี้อาจไม่ใช่แบบนั้นค่ะ
*ส่วนในรายของ SGP อาจเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับพวกมือไวใจกล้า แต่สำหรับคนที่เห็นแรงเทขายที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับสถานการณ์ราคาพลังงานเริ่มส่อเค้าอาจมีปัญหา ย่อมทำให้รู้ว่า การลงมาปิดที่ 14.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่า 235 ล้านบาท หมายถึงการหมดรอบค่อนข้างชัดเจน จึงต้องกลับมาที่ฐานเก่าแนวรับ 12.50 บาทอีกรอบนะคะ
*ในภาวการณ์ลงทุนผันผวนเช่นนี้ ยังมีดาวเด่นอย่างเช่นหุ้น MTLS ปรากฏตัวให้เห็นบนกระดาน most active ได้อย่างแข็งแกร่ง แถมหุ้นยืนบวกตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดที่ระดับ 33.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่า 915 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า หุ้นกำลังพยายามขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงกว่าระดับ 35 บาท จึงเป็นจังหวะของการตามไปดูอีกเช่นเคยเจ้าค่ะ
*เมื่อการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เดินเกมด้วยความเชื่อมั่นเป็นหลัก ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาถึงเห็นหุ้น CPN พยายามยกตัวสูงขึ้นตลอดเวลา จากก่อนหน้านี้อยู่ระดับ 55 บาท ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 68.50 บาท บวกไป1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่า 740 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ขาประจำเขารู้ดีว่า หุ้นชอบกระชากขึ้นแรง ต่อจากนั้นพักตัวสักระยะ ต่อจากนั้นจะเดินหน้าต่ออีกรอบนะจะบอกให้
*ส่วนคนที่ชอบ ของร้อน ของแรง ของแข็ง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองหุ้นยาแนวกระป๋อง UBIS จู่ๆ กระชากสวนภาวะตลาดหุ้นอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 8.95 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 207 ล้านบาท มันเป็นช็อตโอเวอร์รีแอ็คต์หรือไม่? พวกคุณๆ ท่านๆ น่าจะคิดกันเองได้ เดี๊ยนไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว เพราะพวกนักเล่นเขารู้ว่า กล้าไปแตะขอบฟ้า ก็ต้องเข้าทำเร็วๆ เจ้าค่ะ