ขนมต้ม ‘สมคิด’

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ น่าจะได้รับการยกย่องเทียบกับ “นายขนมต้ม” อุตส่าห์สู้ยิบตาเดินสายขายขนมต้มเพื่อชาติ โรดโชว์ฝรั่งญี่ปุ่นมาลงทุน ทั้งที่รู้ว่าปัจจัยไม่เอื้อ แต่อาศัยความเป็นนักการตลาด พูดคำใหญ่ ท่วงท่าองอาจ เลยเป็นข่าวพาดหัว แบบปลุกชาติเอเชียรวมพลังเป็นความหวังใหม่ของโลก

สงสัยใช่เลย ชาติเอเชียมีธรรมาภิบาลกว่าฝรั่ง ทั้งที่ส่วนใหญ่อยู่ในระบอบตรวจสอบไม่ได้ ชาติไทยยิ่งเป็นศูนย์กลางความมั่งคั่ง รัฐบาลคาดการณ์ปี 2561 เศรษฐกิจจะโต 4.3%

หันไปทางไหน เศรษฐกิจไทยดูเหมือนจะมีแต่ข่าวดีๆ ของมันแหงอยู่แล้ว ใครจะอยากให้มีข่าวร้ายไม่ว่าภาครัฐภาคเอกชน สื่อหลักที่รัฐคุมเข้ม จึงมีแต่ข่าวพีอาร์ ข่าวสารทางราชการ ชาวบ้านดูข่าวสุดปลื้ม ตัวเลขส่งออกดีขึ้น แต่อ้าว รู้ข่าวอีกที แบงก์ชาติขาดทุน 1.39 แสนล้านจากการอุ้มค่าเงินบาท

ข่าว BOI ข่าว EEC ก็ผูกโบว์แถลงตัวเลขดี๊ดี จนโดนตีแสกหน้า 3 ปีตัวเลขการลงทุนลดฮวบ อย่าหลอกกัน สถาบันป๋วยก็ชี้ว่าสิทธิประโยชน์ที่สูญเสียเพราะลดภาษี มากกว่าภาษีเงินได้ที่เก็บจากมนุษย์เงินเดือนทั้งประเทศเสียอีก

เมื่อคืนวันศุกร์ นายกฯ พูดให้เซอร์ไพรส์ว่า การปราบโกง จัดระเบียบสังคม บังคับใช้กฎหมาย ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง เพราะเม็ดเงินจากธุรกิจสีเทาหายไป อ้าว โทษปราบโกงได้ไง ไหนโฆษณาว่าถ้าปราบคนโกงได้หมดถนนประเทศไทยคงปูด้วยทองคำ

เรื่องขำๆ คือ ท่านยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่อ้างว่าจำเป็นต้องจัดระเบียบ ปราบหาบเร่แผงลอย หวยบ่อนซ่อง จนเกิดปัญหากับผู้มีรายได้น้อย ที่บางอยู่ในห่วงโซ่นี้มาตลอด

ข้อแรกครับ การจัดระเบียบใครก็เห็นด้วย หวยบ่อนซ่องขอให้ปราบจริงเถอะ แต่หาบเร่แผงลอย สตรีทฟู้ด รถตู้ ฯลฯ จำเป็นไหมต้องกวาดเรียบด้วยทัศนะรัฐราชการ ที่มองเป็นความอับอายของชาติ อยากกวาดให้เกลี้ยงโชว์นักท่องเที่ยว (ที่ไหนได้ ฝรั่งกลับให้รางวัลสตรีทฟู้ด)

ข้อสอง ผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจสีเทา แต่เป็นคนงาน เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ ที่ปากท้องฝืดเคืองจากเศรษฐกิจย่ำแย่ ทั้งปัญหาการส่งออก พืชผลราคาตกต่ำ ไม่เกิดการจ้างงาน ฯลฯ ไม่ใช่เพราะท่านปราบหาบเร่แผงลอยหวยบ่อนซ่องหรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

พูดอย่างนี้ไม่ได้โทษแต่รัฐบาลนี้ ประเทศติดกับดักมานับสิบปี แล้วเกิดวิกฤติการเมือง เกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นตกต่ำ ไม่ได้บอกว่าสมคิดหรือทีมเศรษฐกิจบริหารห่วย แต่ทำอย่างไรก็ไม่เกิดการลงทุนหรอกครับ เว้นแต่อัดฉีดจนเสียเปรียบต่างชาติก้นบาน เพราะสถานการณ์ประเทศวันนี้คือ อนาคตไม่แน่นอน ยิ่งกว่าสถานการณ์โลกด้วยซ้ำ

อนาคตไม่แน่นอน มีความหมายกว้างกว่ามีเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง มีประชาธิปไตยหรือไม่มีประชาธิปไตย เพราะไม่อย่างนั้นก็เปรียบเทียบได้ อ้าว ลาว เขมร เวียดนาม ไม่เห็นเป็นประชาธิปไตย พม่าเพิ่งตั้งไข่ ทำไมคนแห่ไปลงทุน

แต่มันหมายถึงสังคมที่น่าวิตก ว่าจะไม่สามารถหาจุดลงตัว หาจุดอยู่ร่วมกันได้อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย มีแต่อยู่ใต้การใช้อำนาจบังคับ และสั่งสมปัญหารอปะทุ ซึ่งเป็นระบอบฝืนธรรมชาติสังคมไทย ที่นักลงทุนคุ้นเคยมา 30-40 ปี

อนาคตที่ไม่แน่นอนนี้ ไม่ต้องไปขายต่างชาติให้เมื่อยหรอก เขารู้ดี ยิ่งเห็นสถานการณ์ที่ยื้อเลือกตั้งกันมาเรื่อยๆ ยิ่งตระหนัก