พาราสาวะถี
ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดกรณีหลายประเทศบอยคอตและตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ด้วยข้อหาเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ประเดิมกันด้วย 4 ประเทศคือ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี และ อียิปต์ ล่าสุด มีประเทศที่ร่วมตัดสัมพันธ์ทางการทูตเพิ่มคือ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ตรงนี้ต้องเล็งถึงผลกระทบที่จะเป็นห่วงโซ่ไปทั่วโลก
อรชุน
ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดกรณีหลายประเทศบอยคอตและตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ด้วยข้อหาเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ประเดิมกันด้วย 4 ประเทศคือ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี และ อียิปต์ ล่าสุด มีประเทศที่ร่วมตัดสัมพันธ์ทางการทูตเพิ่มคือ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ตรงนี้ต้องเล็งถึงผลกระทบที่จะเป็นห่วงโซ่ไปทั่วโลก
แม้ว่าทางกาตาร์จะปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเข้มแข็ง แต่วันวาน โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา พี่เบิ้มของโลก ก็ทวีตข้อความอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามโดดเดี่ยวกาตาร์ เนื่องจากการให้การสนับสนุนการก่อการร้าย โดยทรัมป์อ้างว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียล่าสุด ส่งผลตามเป้าหมาย และคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของกลุ่มก่อการร้าย
ในทวิตเตอร์ระบุว่า ระหว่างการเดินทางเยือนตะวันออกกลางของทรัมป์ มีการพูดคุยถึงผู้สนับสนุนแนวคิดหัวรุนแรงซึ่งบรรดาผู้นำต่างก็ชี้ไปที่กาตาร์ ผลกระทบที่จะตามมาในเบื้องต้น เอาเฉพาะเรื่องการเดินทางที่กาตาร์มีสนามบิน มีการสายการบินเป็นฮับของภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลโดยตรงต่อการเดินทางไปพื้นที่ในภูมิภาคดังว่า รวมไปถึงการเดินทางไปยุโรปด้วย
แต่ผลกระทบระยะยาวในฐานะประเทศผู้มั่งคั่ง เมื่อถูกแบนย่อมมีมูลค่าความเสียหายมหาศาล จากนั้นมันก็จะลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมไปถึงความมั่นคงของประเทศต่างๆ เท่ากับว่าทุกประเทศในเวลานี้กลับเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอีกกระทอก หลังจากปัญหาเรื่องคาบสมุทรเกาหลีเพิ่งจางหายไปหมาดๆ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ประเทศไทยเตรียมการตั้งรับอย่างไร
เบื้องต้น ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศยังไม่ส่งผลกระทบ แต่ต้องมองในระยะยาว หากการกดดันกาตาร์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดอาจนำไปสู่เป้าหมายการเกิดสงคราม นั่นจะมีผลต่อเรื่องของน้ำมันโดยทันที ตรงนี้แหละที่รัฐบาลคสช.ต้องคิดหนัก เพราะตั้งแต่ยึดอำนาจมา ความโชคดีอย่างหนึ่งที่แม้เศรษฐกิจจะย่ำแย่ แต่ราคาน้ำมันยังต่ำ จึงยังทำให้พอถูๆไถๆกันไปได้บ้าง
หากเกิดภาวะสงครามในตะวันออกกลางขึ้นมาจริง แล้วส่งผลต่อราคาน้ำมัน เครื่องไม้เครื่องมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ(ที่ไม่เห็นผล)ในปัจจุบัน ถามว่าเพียงพอหรือไม่ มิหนำซ้ำ ยังมีแนวโน้มที่จะลากยาวอำนาจออกไปโดยทำให้การเลือกตั้งเกิดการยืดเยื้อ เมื่อไร้ประชาธิปไตยปัญหาการคบค้าสมาคมกับนานาชาติ ย่อมจะเป็นโจทย์ยากและอาจจะซ้ำเติมรัฐบาลรัฐประหารหนักข้อเข้าไปอีก
ปมเซตซีโร่กกต.ด้วยเหตุผลปลาสองน้ำ วันนี้กำลังถูกตั้งคำถามอย่างท้าทายจากฝ่ายกกต.ว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือเปล่า แต่อีกด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.มองว่า เซตซีโร่แค่น้ำจิ้มถ้ามองกันอย่างลึกซึ้งแล้ว นี่คือการเซตซีรี่ส์ หรือการสร้างเรื่องราววางบทละครเพื่อการสืบทอดอำนาจขององคาพยพคณะรัฐประหารมากกว่า
กล่าวคือ นับตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การทำประชามติ การเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นไปอย่างมีเงื่อนไข หรือพูดง่ายๆว่าแทบจะไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ จนสุดท้ายก็นำไปสู่การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับคณะเผด็จการ ทั้งๆที่มีหลายเรื่องในกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ถูกมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
ประการต่อมาคือ การล็อกเป้าส.ว.ลากตั้ง 250 คน ที่จะถือเป็นการพรรคการเมืองใหญ่ในสภา เพราะมีอำนาจล้นเหลือ แม้กระทั่งการมีส่วนร่วมในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี อันเป็นการชี้เจตนาที่ชัดเจนในเรื่องของการอุ้มคนนอกมานั่งเป็นผู้นำหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า และคงไม่ต้องคาดเดาอะไรกันให้ยากว่า ใครจะกลับมา
สุดท้ายเมื่อเซตซีโร่กกต. นั่นหมายความว่า จะมีการเลือกคนที่มีคุณสมบัติสูงส่งตามที่ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวอ้างมาจำนวน 7 คน ซึ่งคงไม่ต้องบอกรู้ว่าจะเป็นคนของใครและยืนอยู่ข้างใด เมื่อจัดวางคณะบุคคลที่จะมาดูแลการเลือกตั้งภายใต้อำนาจเต็มมือของคณะรัฐประหาร ถามต่อไปว่า แล้วจะให้คนจำนวนไม่น้อยเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าคนเหล่านั้น จะวางตัวเป็นกลาง
ด้วยโจทย์เช่นนี้ ย่อมมองไปถึงผลลัพธ์ต่อไปว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคการเมืองใดจะถูกจับตาอย่างเข้มข้น และผลของการวินิจฉัยโดยผู้ตรวจการเลือกตั้ง รวมไปถึงกกต.ทั้ง 7 คน น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า จะมีบางพรรคการเมืองถูกบอนไซ จนแทบจะไม่เหลือความเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ส่วนพรรคคู่แข่งคงจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
อย่างที่บอกว่า กระบวนการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำ 5 สาย ไม่ใช่เป็นเรื่องของต่างฝ่ายต่างทำ เพียงแต่มีการแบ่งบทกันเล่น หลายเรื่องดูเหมือนจะมีการเสนอที่ขัดแย้งกัน แต่พอมองอย่างลึกซึ้งแล้วจะเห็นว่า เป้าหมายไม่ได้แตกต่างกัน ดังกรณีเซตซีโร่กกต.ที่เดิมทีมองว่าเป็นความใจเด็ดของคณะกรรมาธิการ พอมีการปูดกันไปมาก็พบว่า ผู้เสนอก็คือกรรมาธิการที่มาจากกรธ.นั่นเอง
มองกันด้วยความเข้าใจเสียอย่างนี้แล้ว คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่านักการเมืองและพรรคการเมือง จึงไม่ตื่นเต้นว่าเขาจะเลือกตั้งเมื่อใด พรรคไหนจะได้มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะปลายทางมันรู้กันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ เกมว่าด้วยการสร้างความปรองดองของผู้มีอำนาจ เดิมทีหลังมีป.ย.ป.ดูเหมือนว่าจะเกิดความคึกคักของนักสันติวิธีทั้งหลาย
พอเวลาเนิ่นนานออกไป ความคึกคักดังว่ากลายเป็นความเงียบเหงา เวทีปรองดองที่มีปลายทางคือสัญญาประชาคมอันเป็นข้อตกลงร่วมที่เห็นพ้องกันของทุกฝ่าย กลายเป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษที่จะประกาศให้สังคมรับรู้ว่าแต่ละพวกแต่ละฝ่ายมีข้อเสนออย่างไร โดยไร้การลงนามเป็นสัญญาใจร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ด้วยเหตุผล”ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีจุดอ่อนเยอะ”
เรื่องนี้ยืนยันมาจากปากของ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก จากเป้าหมายที่จะให้ทุกฝ่ายมาเซ็นสัญญาสงบศึก กลายเป็นแค่การประกาศให้สังคมรับรู้ แล้วยังมีคำถาม 4 ข้อของท่านผู้นำคาอยู่ ต้องถามกันตรงๆว่า จะมีใครหน้าไหนในฝ่ายผู้มีอำนาจจะกล้าออกมาประกาศว่า กระบวนการสร้างความปรองดองนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อย่าแถกันไปต่างๆนานา วันนี้ไม่ใช่เฉพาะคนไทยด้วยกันเท่านั้นที่รู้ทัน ต่างชาติที่เขาจับตาอยู่ก็ดูออกว่าเจตนาของการเกิดปรองดองไม่ได้นั้นเพราะอะไร