ดันไม่ขึ้น

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีประเด็นให้ติดตามเยอะแยะไปหมด จนบางครั้งนำไปสู่เหตุการณ์สับขาหลอก “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักเล่นรู้ว่าเสี่ยง แต่อยากจะลอง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะหากนับระยะเวลาตั้งแต่ต้นปี 60 จนถึงทุกวันนี้ กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนียังอยู่ในระดับ 1,530-1,580 จุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากมีพวกนกรู้เทขายหุ้นตรงจุดนี้เป็นจำนวนมากนะคะ

*เนื่องจากอาการแกว่งตัวไปมาในลักษณะนี้เกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงมองอาการตื้อๆ ตันๆ ของดัชนีในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นลางบอกเหตุว่า ดันไม่ขึ้น! ดัชนีถึงยืนปิดได้แค่ระดับ 1,566.58 จุด ลบไป 2.37 จุด ด้วยมูลค่า 4.35 หมื่นล้านบาท พร้อมกับตอกย้ำกลยุทธ์ในการลงทุนเที่ยวนี้เป็นจังหวะของการชิงไหวชิงพริบ จึงไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกต่อไปนะจะบอกให้

*เหมือนกับการปั่นกระแสหุ้นดาวรุ่งผีพุ่งใต้ NOK มันเป็นเพียงเกมหุ้นที่ได้ผู้สาวขาเลาะเข้ามาร่วมแจม หุ้นถึงพุ่งขึ้นไปถึง 4.96 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.32 บาท เหลือบวก 0.42 บาท หรือขึ้นไปแค่ 10.80% ด้วยมูลค่า 2.36 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นยุทธวิธีกระพือข่าวให้ดูสมจริงสมจังว่า ทุนจีนเอาแน่?  พร้อมกับมโนขั้นเทพต่อไปว่า ท้องฟ้าหลังพายุใหญ่ผ่านไปจะสดใสซาบซ่าส์อะไรประมาณนี้ เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า เอาที่สบายใจ! ขนาดสิงคโปร์แอร์ไลน์ยังไปไม่รอด..นกน้อยตัวนี้จะรอดจริงเหรอค่ะ

*เหมือนกับในรายของเจ้าจำปี THAI วันก่อนอุตส่าห์โชว์กำลังภายในด้วยการดันหุ้นแบบสุดลิ่ม พอถึงวานนี้กลับอ่อนตัวลงมาปิดที่ 19.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่า 590 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นพล็อตเรื่องเดิมๆ ที่ต้องการบิ้วด์อารมณ์นักเล่น หลังจากนั้นก็ทิ้งไปอีกตามเคย วันนี้ถึงต้องพุ่งประเด็นไปที่แรงซื้อยังจะมีเข้ามาหรือเปล่า? เพราะจะเป็นตัวชี้อนาคตหุ้นจะไปทางใดนะจ๊ะ

*อีกรายที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พ่อทูนหัวตัวดี EARTH ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งทำท่าจะไต่ระดับขึ้นไปใหม่ พอเอาเข้าจริงกลับโดนเทแบบต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 2.06 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่า 495 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องทำใจสถานเดียว เพราะผลงานก็น่าเป็นห่วง ตัวแปรหลายอย่างไม่เป็นใจ แถมผู้เล่นก็ไม่ไว้ใจ ดูรวมๆ ก็เลย หมดเสน่ห์พะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TASCO อุตส่าห์ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนผู้เล่นหวังจะได้เห็นฐานแนวรับที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ทันทีที่หุ้นรูดลงมาปิดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 23.70 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่า 722 ล้านบาท “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า จบเกม! หุ้นต้องลงไปทดสอบแนวรับ 22 บาทเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะกระชากกลับขึ้นไปใหม่นะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ SUPER ขอสู้สุดใจเพื่อรักษาฐานแนวรับสำคัญไว้แบบนี้ ในแง่ของจิตวิทยาการลงทุน มันทำให้สถานการณ์ของหุ้นในระยะสั้นยังมีลุ้นดีดกลับ แต่การที่หุ้นลงมาปิดที่ 1.51     บาท ลบไป 0.01 บาท ด้วยมูลค่า 900 ล้านบาท มันทำให้ภาพในระยะกลางดูไม่ดีเอาเสียเลย เพราะดันไปเพิ่มสถิติการร่วงลง 12 วันติด  ซึ่งตามตำราเข้าพูดถึงประเด็นนี้ว่า อยู่เฉยๆ ก่อนดีกว่านะคะ

*สำหรับรายที่กลับมาตามคำเรียกร้อง “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้นกลุ่มฐานรากชั้นนำอย่าง SEAFCO หลังหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 13.40 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 253 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น น่าจะเป็นผลมาจากเรื่องงานก่อสร้างฐานรากให้กับรถไฟฟ้าหลากสีในช่วงครึ่งปีหลัง กำไรปี 60 น่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไงล่ะค่ะ

*นอกจากนี้อย่าลืมโหนกระแสหุ้นรับเหมาดาวเด่นอย่าง UNIQ กับ PYLON หลังมีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนตัวแรกขึ้นมาปิดที่ 17.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 450 ล้านบาท ส่วนรายหลังปิดที่ 13.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่า 78 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทุกอย่างมาประจวบเหมาะกันพอดี ไม่มีเวลาต้องคิดอะไรมากเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TMILL พอมีคนมาจุดกระแสเรื่องโตระบิดระเบ้อ ราคาหุ้นก็เด้งรับด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.35 บาท บวกไป 1.03 บาท หรือขึ้นไป 24%  ด้วยมูลค่า 566 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบเกินกว่า 4 ปี มันเป็นช็อตที่เคยถูกขุดขึ้นมาเล่นครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ก็ถูกขุดขึ้นมาเล่นอีกรอบ แถมเที่ยวนี้ยังเทรดบนค่า P/E 15.60 เท่า เหมือนเป็นการเปิดช่องให้ตะลุมบอนกันอีกยกนะคะ